หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 1/12/2563

มือถือ ASUS ZenFone หายไปไหน? ทำไมถึงไม่เห็นมือถือ ZenFone รุ่นใหม่ๆ ในไทย?

 

หากพูดถึง ASUS หลายท่านน่าจะนึกถึงมือถือ ZenFone เป็นอันดับแรกๆ เนื่องจาก ZenFone ถือว่าเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ ASUS มาอย่างยาวนาน แด้วยสเปกที่ครบเครื่องทุกการใช้งาน พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ บนท้องตลาด แต่ในปัจจุบันชื่อของมือถือ ZenFone เริ่มจางหายไปจากตลาดประเทศไทย จนทำให้มีบางฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า ZenFone ปิดตำนานไปแล้วหรือไม่? ZenFone ในไทยหายไปไหน? วันนี้เราพาไปหาคำตอบกันครับ

 

ZenFone คืออะไร? ทำไมถึงดังในไทย?

ASUS ให้คำจำกัดความของ ZenFone เอาไว้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับความพิเศษ ด้วยดีไซน์ทันสมัย ผสานกับฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ระดับไฮเอนด์ เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพคุณภาพเยี่ยมยอด, การเล่นเกมใหม่ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงตอบสนองการใช้งานในด้านอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ZenFone 5 (A501CG)

สำหรับ ZenFone ที่สร้างชื่อให้กับ ASUS ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยในปี 2014 ทาง ASUS ได้ส่งมือถือรุ่นหนึ่งที่มีชื่อว่า ASUS ZenFone 5 (A501CG) บุกตลาดประเทศไทย กับราคาวางจำหน่ายเพียง 5,990 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างถูกมากในยุคนั้น แต่พกพาความน่าสนใจมาอย่างรอบด้านด้วยการมาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.0 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3 พร้อมขุมพลัง Intel Atom Z2560 และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่มีเทคโนโลยี Pixel Master ถ่ายภาพได้สวยงามคมชัด พร้อมงานออกแบบดีไซน์ที่ให้ลุคความเรียบหรูพรีเมียม ซึ่งเมื่อเทียบสเปกกับราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างถูกแล้ว ทำให้ ZenFone 5 กลายเป็นมือถือในงบ 5 - 6 พันบาทที่น่าสนใจมากหนึ่งรุ่นเลยทีเดียว

 

สาเหตุที่ทำให้มือถือ ZenFone ในยุคนั้นมีราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างถูกจนน่าแปลกใจ มีรายงานวิเคราะห์จาก Bernstein Research สถาบันวิจัยทางการตลาด โดยระบุว่า Intel จะขายชิป Bay Trail ซึ่งเป็นชิปรุ่นสูงสำหรับแท็ปเล็ต และมือถือในราคาเกือบเท่าทุน โดยมีกำไรขั้นต้นเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ราว 1.2% เท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้ว ชิปเซ็ตจะเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่ค่อนข้างมีราคาต้นทุนที่สูงพอสมควร และการที่ Intel สามารถขายชิปเซ็ตตถูกได้ ก็ส่งผลไปถึงราคาวางจำหน่ายมือถือ ZenFone ในยุคนั้นที่เลือกใช้ชิปเซ็ตจาก Intel เป็นหลักด้วยเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งเหตุผลที่ส่งผลให้มือถือ ZenFone มีราคาขายที่ถูก ก็เป็นผลมาจากความตั้งใจของ Intel เองที่พยายามผลักดันชิปเซ็ตสำหรับมือถือที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ X86 เข้าสู่ท้องตลาด เพราะคู่แข่งรายใหญ่ในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น Qualcomm, Samsung, MediaTek หรือแม้แต่ Apple ต่างก็ใช้สถาปัตยกรรมการผลิต CPU แบบ ARM เหมือนกันทั้งหมด ซึ่งหาก Intel สามารถเจาะตลาดมือถือที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ X86 ได้ ก็จะทำให้ Intel สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดในการผลิตชิปเซ็ตมือถือได้เหมือนกับคู่แข่ง

 

แล้ว ZenFone หายไปไหน?

แม้ฟังดูแล้วจะเป็นเรื่องที่ดีที่มือถือในยุคนั้นจะมาพร้อมกับตัวเลือกชิปเซ็ตที่หลากหลาย แต่ต้องไม่ลืมว่าชิปเซ็ตส่วนใหญ่ที่ถูกใช้บนสมาร์ทโฟนต่างผลิตด้วยสถาปัตยกรรมจาก ARM ซึ่งหมายความว่า แอปพลิเคชันต่างๆ ก็ต้องถูกเขียนออกมาเพื่อรองรับการทำงานร่วมกับชิปเซ็ตที่ใช้โค้ด ARM ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้ว่า ZenFone ที่ใช้ชิปเซ็ต Intel ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ X86 จะสามารถรันแอปพลิเคชันที่ถูกเขียนโดยอิงสถาปัตยกรรมแบบ ARM ได้ โดยใช้หลักการแปลงโค้ด แต่ในบางครั้งก็ไม่อาจรันแอปฯ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

 

ประเด็นนี้เคยมีการทดสอบเล่นเกมเดียวกันระหว่าง แท็ปเล็ต Android ที่ใช้ชิปเซ็ต ARM vs แท็ปเล็ต Android ที่ใช้ชิปเซ็ต Intel ซึ่งพบว่า เป็นทางฝั่งของแท็ปเล็ตที่ใช้ชิปเซ็ต ARM-based ที่สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลกว่า เนื่องจากแอปพลิเคชัน Android ส่วนมากถูกเขียนออกมารองรับสถาปัตยกรรม ARM นั่นเอง

 

ด้วยความที่ชิปเซ็ต Intel ยังไม่ตอบโจทย์มากนักสำหรับระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันที่ถูกเขียนขึ้นมาซึ่งเน้นรองรับสถาปัตยกรรม ARM เป็นหลัก จึงทำให้ ASUS ZenFone ปรับไปใช้ชิปเซ็ตจากแบรนด์ Qualcomm และ MediaTek อย่างเต็มตัวในปี 2016 พร้อมทั้งมีการปรับราคาวางจำหน่ายสูงขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะมือถือเรือธง ที่ขยับราคาขายขึ้นไปเป็นจำนวนกว่า 10,000 บาท (อ้างอิงจากรุ่น ZenFone 2 Deluxe เรือธงประจำปี 2015 ที่เปิดราคาขาย 12,990 บาท เปรียบเทียบกับ ZenFone 3 Deluxe เรือธงประจำปี 2016 ที่เปิดราคาขาย 22,990 บาท) จึงทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่า ZenFone อาจไม่ใช่มือถือสเปกแรงในราคาที่คุ้มค่าอีกต่อไป และเริ่มทำให้ความน่าสนใจของมือถือ ZenFone ลดลงเรื่อยๆ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มือถือ ZenFone ได้รับความนิยมน้อยลงคือ ศูนย์บริการ โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ ระบุว่า ศูนย์บริการของ ASUS ในยุคนั้น มีการจัดการที่ค่อนข้างล่าช้า ในด้านการเคลมเครื่อง หรือรออะไหล่ซ่อม ผนวกกับการขึ้นราคาขายของมือถือ ZenFone เป็นเท่าตัว และการบุกตลาดของสมาร์ทโฟนจากหลายๆ ค่ายโดยเฉพาะมือถือจีนที่เน้นสเปกคุ้ม ในราคาที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น รวมทั้งยังทุ่มการตลาดอย่างหนักหน่วงทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ และของสมนาคุณแบบจัดเต็ม จึงทำให้ ASUS ZenFone เริ่มไม่อยู่ในตัวเลือกของผู้ใช้หลายๆ คนอีกต่อไป

 

ZenFone ตอนนี้เป็นอย่างไร?

แม้ ASUS ZenFone จะไม่ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยนับตั้งแต่รุ่น ZenFone 5 Series (คนละรุ่นกับที่เปิดตัวในปี 2014) และ ZenFone Max Pro M2 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราไปเมื่อปี 2018 แต่จริงๆ แล้ว มือถือ ASUS ไม่ได้หายไปไหน เพราะในปัจจุบัน ASUS ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาโฟกัสที่สมาร์ทโฟนเกมมิ่งภายใต้แบรนด์ ROG (Replubic of Gamers) กับชื่อ ROG Phone แทน โดยสำหรับ ROG ถือว่าสร้างชื่อให้กับผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป และ PC ของ ASUS เป็นอย่างมาก ด้วยดีไซน์ที่มีความดุดันตามสไตล์เกมมิ่ง พร้อมสเปกจัดเต็มรอบด้าน

 

Twin View Dock

ROG Phone เริ่มรุกตลาดในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2018 ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้พอสมควร เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนเกมมิ่งถือว่ายังมีคู่แข่งน้อย รวมทั้ง ROG Phone ก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับมือถือเกมมิ่งรุ่นอื่นๆ ด้วยการมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น พัดลมระบายความร้อน, จอยเกมที่มีปุ่มควบคลุมคล้ายคอนโซล, Twin View Dock สำหรับเล่นเกมแบบสองหน้าจอคล้ายกับคอนโซลแบบพกพา หรือ Display Dock ที่ช่วยส่งภาพจากเกมไปสตรีมบนหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ เป็นต้น 

 

นอกจากนี้ สเปกของ ROG Phone ก็ถือว่าใส่มาให้แบบสุดในทุกด้าน เน้นทุกความแรงเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate ระดับสูง, ระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่อง, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงปุ่มควบคุมแบบพิเศษที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องสมาร์ทโฟน ซึ่งเรียกได้ว่าตอบโจยท์เหล่าเกมเมอร์แบบเต็มๆ รวมทั้งยังเปิดราคาออกมาได้ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับสเปก และลูกเล่นต่างๆ ที่ ASUS ให้มา

 

ZenFone 7

ส่วนมือถือตระกูล ZenFone ก็ยังไม่ถูกพับเก็บไปแต่อย่างใด เพราะในต่างประเทศก็ยังคงมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และยังคงความโดดเด่นของความเป็นมือถือ ZenFone ที่เน้นด้านการถ่ายภาพ และนวัตกรรมระดับไฮเอนด์เอาไว้อย่างครบถ้วน เช่น รุ่น ZenFone 6 ที่มาพร้อมกับสเปกระดับเรือธง, จอไร้รอยบาก และนวัตกรรมกล้องแบบพลิกได้ 180 องศา รวมถึงรุ่น ZenFone 7 และ 7 Pro ที่มาพร้อมกับจอ AMOLED 90Hz, ชิป Snapdragon 865+ ตัวท็อป และระบบกล้องหลัง 3 ตัวที่สามารถพลิกได้สุดล้ำ 

หากพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ จะเห็นได้ว่า ASUS แม้จะไม่ได้แข่งขันบนตลาดสมาร์ทโฟนแบบเต็มตัว รุกตลาดมือถือทุกระดับเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังสามารถสร้างชื่อกับสมาร์ทโฟนตระกูล ROG ได้เป็นอย่างดี และน่าจะอยู่คู่กับผู้ใช้ชาวไทยไปอีกนานครับ


ข้อมูลอ้างอิง : ASUS, arm, Barron's, Toms Hardware

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 1/12/2563

Tags :
  

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy