Apple Intelligence ใน iPhone 16 คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง แล้วจะได้ใช้กันเมื่อไหร่ สรุปครบจบใน 5 นาที
iPhone 16 ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อคืนนี้ นอกจากการอัปเกรดก้านสเปกและซอฟต์แวร์แล้ว ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ Apple Intelligence หรือฟีเจอร์ AI ที่จะเข้ามาช่วยให้การทำงานต่าง ๆ บน iPhone ได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง iPad และ Mac ด้วย สำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ว่า Apple Intelligence ที่ว่านี้มันคืออะไรกันแน่ และสามารถทำอะไรได้บ้าง เราได้สรุปมาให้อ่านกันแบบสั้น ๆ เน้นเนื้อไม่เน้นน้ำ เป็นยังไงไปดูกันเลยครับ
Apple Intelligence คืออะไร?
Apple Intelligence ก็คือฟีเจอร์ AI ของ Apple ซึ่งมีความสามารถคล้าย ๆ กับ AI บนมือถือยี่ห้ออื่น ๆ โดยแบ่งความสามารถใหญ่ ๆ ออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านภาษา และการแต่งรูป
AI ด้านภาษาทำอะไรได้บ้าง?
- ช่วยเรียบเรียงข้อความใหม่ให้ดีขึ้น พร้อมตรวจสอบคำผิด
- เข้าใจความสำคัญของการแจ้งเตือนบนมือถือ และจะแสดงแจ้งเตือนที่สำคัญกว่าขึ้นมาก่อน
- จัดลำดับความสำคัญของอีเมล
- การตอบกลับอัจฉริยะ โดย AI จะสร้างข้อความตอบกลับอีเมลให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคิดประดิษฐ์คำให้ปวดหัว
- โหมดห้ามรบกวนที่ฉลาดกว่าเดิม โดย AI จะอนุญาตให้การแจ้งเตือนที่สำคัญสามารถแสดงขึ้นมาได้
- สรุปเนื้อหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบันทึกการประชุม, อีเมล, หรือบทความอะไรก็ตาม
- Voice Recorder: สามารถ Transcribe เสียงเป็นข้อความได้ (เฉพาะภาษาอังกฤษในตอนนี้)
- Voice Isolation: เทคโนโลยีที่ช่วยแยกเสียงพูดและเสียงดนตรี
AI แต่งรูปทำอะไรได้บ้าง?
- สร้างภาพจาก AI เพียงแค่พิมพ์คำอธิบายรูปภาพที่เราต้องการ เหมือน AI สร้างภาพที่เราเล่นกัน
- Genmoji สร้างอีโมจิใหม่ๆ ได้ตามต้องการ
- ลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้โดยไม่ต้องแต่งรูปเอง
- ค้นหาภาพที่ต้องการในแอป Photos ได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น
- Image Wand เมื่อใช้ Apple Pencil วาดวงกลมใน Note AI จะสร้างภาพใหม่อัตโนมัติ โดยภาพที่ได้จะเข้ากับเนื้อหาอื่น ๆ โดยรอบ
- สร้าง Memory Movies ได้ง่าย ๆ เพียงพิมพ์คำขอในแอป Photos
- Visual Intellegence สามารถใช้ AI วิเคราะห์วัตถุจากกล้อง สามารถส่องวัตถุที่ต้องการ และหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว คล้ายกับ Google Lens
จุดเด่นของ Apple Intelligence คือเน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นพิเศษ การประมวลผล AI จะทำผ่านระบบ Cloud แบบ Private ซึ่งจะไม่มีการเก็บข้อมูลใด ๆ และจะลบข้อมูลบนเซิฟเวอร์ทันทีที่ประมวลผลเสร็จ ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลของเราจะรั่วไหล หรือโดนแฮ็คเอาไปง่าย ๆ
Siri โฉมใหม่ พลัง AI
นอกจากลูกเล่นใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว Apple Intelligence ยังเสริมความสามารถให้กับ Siri ด้วย ดังนี้:
- การเข้าใจภาษาที่ดียิ่งขึ้น: Siri จะเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนได้ และเข้าใจ “ภาษาคน” มากขึ้น โดยสามารถเข้าใจได้ว่าเรายังพูดไม่จบ, เปลี่ยนคำสั่งกลางคัน และเข้าใจคำสั่งยาว ๆ ได้ นอกจากนี้ยังเข้าใจบริบทต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้เราไม่ต้องใช้คำพูดที่เฉพาะเจาะจงมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น สั่งให้ Siri “เล่นเพลงที่สุรเดชส่งมาให้เมื่อวันก่อน” Siri จะเข้าใจได้ทันทีว่าสุรเดชคือใคร ส่งเพลงอะไรมาตอนไหน และเปิดเพลงได้อย่างถูกต้อง
- การรับรู้บนหน้าจอ: Siri จะรู้ว่ามีอะไรอยู่บนหน้าจอ และสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น สั่งให้ Siri “เพิ่มที่อยู่นี้ในการ์ดติดต่อ” Siri ก็จะดูที่อยู่บนหน้าจอและเพิ่มลงในการ์ดให้ทันที
- การทำงานกับแอปอื่น ๆ: เราสามารถสั่งให้ Siri ทำงานกับแอปอื่น ๆ ได้ เช่น สั่งให้ Siri “เพิ่มสถานที่นี้ในโน้ต Road Trip” Siri ก็จะดำเนินการให้ใน Note เป็นต้น
- พิมพ์คำสั่งอย่างรวดเร็ว: ด้วยการแตะสองครั้งที่ด้านล่างของหน้าจอ iPhone หรือ iPad จะมีแป้นพิมพ์เด้งขึ้นมาให้เราพิมพ์คำสั่งไปยัง Siri แทนการพูดได้อย่างรวดเร็ว
รุ่นไหนได้ใช้บ้าง?
- iPhone 15 Pro Max
- iPhone 15 Pro
- iPad Pro (M1 หรือใหม่กว่า)
- iPad Air (M1 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Air (M1 หรือใหม่กว่า)
- MacBook Pro (M1 หรือใหม่กว่า)
- iMac (M1 หรือใหม่กว่า)
- Mac mini (M1 หรือใหม่กว่า)
- Mac Studio (M1 หรือใหม่กว่า)
- Mac Pro (M2 Ultra)
Apple Intelligence จะมาเมื่อไหร่?
Apple Intelligence จะเริ่มเปิดให้ใช้งานในเดือนตุลาคม 2024 โดยจะมาพร้อมกับ iOS 18.1 และ iPadOS 18.1 เริ่มที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก และจะทยอยขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนธันวาคม เบื้องต้นจะรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น และจะค่อย ๆ เพิ่มภาษาอื่น ๆ เข้ามาในปีหน้าครับ
อ่านเพิ่ม
- iPhone 16 Pro / iPhone 16 Pro Max สรุปสเปก ราคา วันขาย มีอะไรใหม่บ้าง
- iPhone 16 / iPhone 16 Plus สรุปสเปก ราคา วันขาย มีอะไรใหม่บ้าง
- เปรียบเทียบ iPhone 16 Pro Max vs iPhone 15 Pro Max ต่างกันยังไง คุ้มไหมที่จะอัปเกรด?
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 10/9/2567