5 สิ่งที่น่าสนใจของ Redmi Note 10 Series Global มือถือสเปกครบเครื่อง ราคาประหยัดรุ่นใหม่ล่าสุด!
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ Redmi Note 10 Series เวอร์ชันวางจำหน่ายทั่วโลก (Global) สมาร์ทโฟนสเปกคุ้มในราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า Redmi Note 10 Series มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง วันนี้ทางทีมงานสรุปมาให้เรียบร้อยแล้วครับ
มีให้เลือกมากถึง 4 รุ่น!
สำหรับ Redmi Note 10 Series เวอร์ชัน Global มีให้เลือกถึง 4 รุ่น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ Redmi Note 10 Pro, Redmi Note 10, Redmi Note 10S และ Redmi Note 10 5G
จอ AMOLED ลื่นไหลด้วยค่า Refresh Rate สูง
สำหรับหน้าจอแสดงผลเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของ Redmi Note 10 Series เลยก็ว่าได้ โดยในรุ่น Redmi Note 10 และ Redmi Note 10S มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ด้าน Redmi Note 10 Pro มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz ขณะที่ Redmi Note 10 5G แม้ว่าจะไม่ได้ใช้หน้าจอแบบ AMOLED แบบรุ่นอื่นๆ แต่ก็ทดแทนด้วยขนาดหน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อมค่า Refresh Rate 90Hz แบบ Adaptive ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าการแสดงผลได้ตามคอนเทนต์ที่เล่นอยู่ เพื่อ่ชวยประหยัดการใช้งานแบตเตอรี่
ครบเครื่องทุกการใช้งาน
Redmi Note 10 Series เลือกใช้งานชิปเซ็ตระดับกลางจาก 2 ค่ายหลักได้แก่ Snapdragon และ MediaTek โดยในรุ่น Redmi Note 10 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 678 ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 6GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.2 ความจุสูงสุด 128GB ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ขณะที่รุ่น Redmi Note 10S มาพร้อมกับชิปเซ็ตซีรีส์เกมมิ่งจากแบรนด์ MediaTek กับรุ่น Helio G95 ทำงานควบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 8GB เพื่อตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่วนทางด้าน Redmi Note 10 Pro จะปรับไปใช้ชิปเซ็ต 4G ตัวแรงอย่าง Snapdragon 732G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นเดียวที่ใช้ในรุ่น POCO X3 NFC นั่นเอง
ส่วนรุ่น Redmi Note 10 5G จะเป็นรุ่นเดียวในซีรีส์ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ด้วยการมาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 ประกบคู่การทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และหน่วยความจำภายในความจุสูงสุด 128GB
แบตอึดสะใจ ใช้ได้นานตลอดวัน!
Redmi Note 10, Redmi Note 10S และ Redmi Note 10 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh เพื่อรองรับการใช้งานยาวนานตลอดวัน ขณะที่รุ่น Redmi Note 10 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจที่รองรับระบบชาร์จเร็ว 33W Fast Charging
กล้องหลังครบทุกระยะ
Redmi Note 10 Series ต่างจัดเต็มด้วยกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ที่ให้เลนส์การถ่ายภาพมาครอบคลุมครบทุกระยะ ซึ่งจะมีเพียงรุ่น Redmi Note 10 5G เท่านั้นที่มาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 3 ตัว
โดยในรุ่น Redmi Note 10 มาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ด้านรุ่น Redmi Note 10S มาพร้อมกับเซ็ตอัพกล้องแบบเดียวกับ Redmi Note 10 แต่อัปเกรดกล้องตัวหลักเป็นความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
ส่วนทางด้านรุ่นท็อปอย่าง Redmi Note 10 Pro มาพร้อมกับกล้องตัวหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + กล้อง Telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล + กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ขณะที่รุ่นอย่าง Redmi Note 10 5G มาพร้อมกับกล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
เบื้องต้น Redmi Note 10 Series ทั้ง 4 รุ่นจะเริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศก่อน เป็นลำดับแรกส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่มีการประกาศออกมาให้ทราบ ต้องติดตามกันต่อไป โดยราคาวางจำหน่ายแต่ละรุ่นมีรายละเอียดดังนี้
- Redmi Note 10 ราคาเริ่มต้น 199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,200 บาท
- Redmi Note 10 5G ราคาเริ่มต้น 199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,200 บาท
- Redmi Note 10S ราคาเริ่มต้น 229 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000 บาท
- Redmi Note 10 Pro ราคาเริ่มต้น 279 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,600 บาท
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 9/3/2564
