6 สิ่งที่ iPhone 11 ควรมี เพื่อให้กลับมา [ว้าว!] อีกครั้ง

อีกเพียงแค่วันเดียว iPhone 11 ก็จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ระยะหลังนี้มนต์ขลังของสมาร์ทโฟนในตำนานเริ่มจะเสื่อมคลายลง สังเกตจากกระแสในช่วงเปิดตัวที่ไม่พีคเหมือนรุ่นก่อนๆ และยอดขายที่ลดลงทุกปี แม้ว่า Apple จะพยายามเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับ iPhone อย่างเต็มที่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่โดนใจผู้ใช้เท่าที่ควร หาก Apple อยากจะให้ iPhone 11 กลับมาเป็นเบอร์หนึ่งในวงการอีกครั้ง คงต้องเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหลายอย่างด้วยกัน แต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันครับ

1. จอแสดงผลแบบไร้รอยบาก

แม้ว่า iPhone X จะเป็นผู้จุดกระแสหน้าจอรอยบากขึ้นมาในวงการสมาร์ทโฟนจนฝั่ง Android ต้องทำตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป สมาร์ทโฟน Android กลับนำหน้าไปก่อนหลายก้าว ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่มีรอยบากเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไร้ขอบหมดจดในที่สุด ในขณะที่รอยบากบน iPhone XS ยังคงใหญ่เท่าเดิม และน่าจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไปใน iPhone 11 ทำให้ดูไม่ค่อยโดดเด่นน่าสนใจเท่าที่ควร หาก Apple สามารถทำให้ iPhone 11 มีจอไร้ขอบ 100% และเปลี่ยนกล้องหน้ากับเซ็นเซอร์ Face ID เป็นโมดูลสไลด์ที่เลื่อนเก็บได้ ก็คงจะน่าสนใจขึ้นมากเลย

2. ปรับปรุงกล้องหน้าให้เหมาะกับการเซลฟี

กล้องหน้าของ iPhone มีชื่อเสียงด้านความสมจริงมาแต่ไหนแต่ไร เพราะแทบจะไม่มีฟีเจอร์ปรับแต่งใดๆ เลย ยกเว้นเอ็ฟเฟ็กต์โบเก้ และ Portrait Lighting ทำให้ภาพเซลฟี่ออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวผู้ใช้เองก็ไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ เพราะภาพที่ออกมาดูสมจริงเกินไปจนหลายคนรู้สึกว่าแย่กว่าตัวจริง หาก Apple สามารถปรับปรุงตรงนี้ได้ น่าจะถูกใจทั้งกลุ่มผู้ใช้เดิมและผู้ใช้หน้าใหม่ อาจจะไม่ต้องเพิ่มเอ็ฟเฟ็กต์บิวตี้ก็ได้ แค่ปรับการประมวลผลภาพให้ดีขึ้นก็พอแล้ว นอกจากนี้หากถ่ายวิดีโอ 4K ได้ด้วยก็จะยิ่งดูสมกับเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมียมยิ่งขึ้นครับ

3. อัปเกรดกล้องหลังให้ล้ำยิ่งขึ้น

ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า iPhone 11 จะมีกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งน่าจะทำอะไรๆ ได้มากกว่ากล้องคู่ในรุ่นก่อน เช่นการถ่ายรูปในมุมมอง Ultra Wide หรือการถ่ายรูปพร้อมกันทั้ง 2 เลนส์ เพื่อให้ได้รูปมุมปกติและมุมกว้างจากการกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว หรืออาจจะล้ำหน้าไปอีกขั้น ด้วยการนำภาพถ่ายมุมกว้างมาเสริมภาพมุมปกติ เพื่อเก็บตกรายละเอียดบางอย่างที่ตกเฟรมไป เป็นต้น

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่กล้องหลังของ iPhone 11 ควรจะมีคือ Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ใช้แฟลช ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในฝั่ง Android ถึงขนาดที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นนำมาเป็นจุดขายหลักเลยทีเดียว การเพิ่ม Night Mode เข้ามานอกจากจะทำให้ iPhone 11  ยังช่วยปิดจุดอ่อนด้านการถ่ายรูปภายใต้สภาวะแสงน้อยได้ด้วย

4. เพิ่มระบบสแกนนิ้วใต้จอ

ตั้งแต่ iPhone X เป็นต้นมา ระบบสแกนใบหน้า Face ID ได้เข้ามาแทนที่ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ในการยืนยันตัวตนผู้ใช้ แม้จะสะดวกขึ้น แต่ผู้ใช้หลายคนก็ยังติดใจ และอยากให้ Touch ID กลับมาอยู่ ซึ่งก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรหาก Apple จะใส่ทั้ง Face ID และ Touch ID มาใน iPhone รุ่นใหม่ให้เราได้เลือกใช้กันเองตามถนัด ยิ่งถ้าเป็น Touch ID แบบฝังใต้หน้าจอด้วย ก็จะยิ่งทำให้ดูพรีเมียมสมกับราคาค่าตัวมากขึ้นครับ

5. แบตเตอรี่ที่อึดยิ่งกว่า

อีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้ iPhone ต้องเจอมาโดยตลอดคือแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยจะพอใช้งานในชีวิตประจำวัน หาก iPhone 11 สามารถยืดระยะเวลาในการใช้งานออกไปได้ ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มความจุแบตเตอรี่ หรือการปรับปรุงระบบให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น เชื่อว่าจะต้องได้ใจแฟนๆ อย่างแน่นอน

6. แถมอแดปเตอร์ชาร์จไวในกล่อง

นอกจากแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นแล้ว ระยะเวลาในการชาร์จก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งจริงๆ แล้ว iPhone รองรับระบบชาร์จไวมาตั้งแต่รุ่น iPhone 8 แล้ว แต่ Apple กลับไม่ได้ให้อแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาในกล่องด้วย ทำให้ผู้ใช้กลับต้องไปซื้ออแดปเตอร์ชาร์จเร็วแยกต่างหาก แถมยังต้องซื้อสาย USB Type-C / Lightning มาใช้คู่กันด้วย รวมแล้วก็เกือบๆ 2,000 บาท ทั้งๆ ที่จ่ายเงินซื้อเครื่องไป 30,000++ บาทแล้ว หาก Apple จะแถมชุดอแดปเตอร์ชาร์จไวมาให้จากโรงงานเลยก็จะดีไม่น้อยครับ

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

วันที่ : 9/9/2562