หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 27/3/2561

สรุปฟีเจอร์เด่น Huawei P20 และ Huawei P20 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดกับกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) 40 ล้านพิกเซล และ AI อัจฉริยะ, จอ OLED ไร้ขอบ FullView Display 6.1 นิ้ว และ RAM 6GB บนบอดี้กันน้ำ!

 


 

เปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Huawei P20 และ P20 Pro สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่พกพาความสามารถ, ประสิทธิภาพ และฟีเจอร์เด่นมาอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ภายนอกแบบ Metal-Glass ที่เพิ่มความหรูหราพรีเมียม, หน้าจอไร้ขอบ FullView Display ขนาดใหญ่ถึง 6.1 นิ้ว และที่สำคัญก็คือ กล้องถ่ายภาพด้านหลังมากถึง 3 ตัว (Triple-Camera) กับความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AI Camera ที่จะช่วยให้คุณเก็บภาพความทรงจำอันสวยงามได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากตัวอย่างฟีเจอร์เด่นที่ระบุไปข้างต้นแล้ว Huawei P20 และ P20 Pro ยังมาพร้อมกับสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย เราจึงจะมาสรุปฟีเจอร์เด่นของเรือธงทั้งสองรุ่นให้ทุกท่านได้รับชมกัน จะน่าสนใจมากขนาดไหน ติดตามชมไปพร้อมกันได้เลยครับ

 

ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Metal-Glass สุดหรู พร้อมสีใหม่ Twilight


Huawei P20 และ P20 Pro มาพร้อมกับตัวเครื่องในดีไซน์แบบ Metal-Glass ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราพรีเมียมในการจับถือได้เป็นอย่างดี ด้านหลังมีความโค้งมนเพื่อรับกับฝ่ามือในเวลาจับถือใช้งาน แต่เนื่องจากการที่ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกระจกก็อาจทำให้เกิดรอยนิ้วมือขึ้นได้ง่าย และอาจลื่นหลุดมือได้ด้วย ดังนั้นเวลาจับถือควรใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย หรือไม่ก็สวมใส่เคสป้องกันตัวเครื่องเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายเวลาตกกระแทก นอกจากนี้ Huawei P20 Series ยังมาพร้อมสีสันตัวเครื่องแบบใหม่กับสี Twilight ที่มีการไล่เฉดสี และมีความสวยงามเพิ่มมากขึ้น

 

ไม่กลัวน้ำไม่กลัวฝนด้วยการป้องกันระดับ IP67


Huawei P20 และ P20 Pro มาพร้อมกับตัวเครื่องที่เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำ ด้วยมาตรฐานการป้องกันน้ำระดับ IP67 สำหรับรุ่น Huawei P20 Pro โดยสามารถป้องกันน้ำที่ความลึกระดับ 1 เมตร ได้ยาวนานถึง 30 นาที และป้องกันหยดน้ำ หรือน้ำกระเซ็น เช่น น้ำฝน หรือน้ำที่หกใส่ ด้วย ส่วนรุ่น Huawei P20 มาพร้อมกับการป้องกันระดับ IP53

 

ชมคอนเทนท์ได้คมชัดเต็มตากับจอไร้ขอบ OLED Full HD+ ขนาดใหญ่ถึง 6.1 นิ้ว


Huawei P20 Pro มาพร้อมดีไซน์หน้าจอแบบใหม่กับจอไร้ขอบ FullView Display แบบ OLED ขนาดใหญ่ถึง 6.1 นิ้ว บนความละเอียดสูงระดับ Full HD+ (2240x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 18.7:9 ที่ช่วยให้ผู้ใช้รับชมคอนเทนท์ต่างๆ ในพื้นที่ที่มากขึ้น ส่วน Huawei P20 ใช้งานหน้าจอ Full HD+ ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2244x1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 18.7:9

 

เร็วแรงเต็มพิกัดด้วยขุมพลัง Kirin 970 และ RAM 6GB


Huawei P20 และ P20 Pro เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลให้เร็วแรงขึ้นไปอีกระดับด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core HiSilicon Kirin 970 ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.36GHz พร้อมทั้งใช้งานหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาดใหญ่ถึง 6GB ในรุ่น P20 Pro พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ที่มีมาให้อย่างจุใจถึง 128GB ส่วน Huawei P20 ใช้งาน RAM 4GB และ ROM 128GB แต่ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ทั้งสองรุ่น

 

เหนือระดับทุกการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) กับความละเอียด 40 ล้านพิกเซล


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Huawei ทุ่มเทการพัฒนา และแก้ไขปัญหาเรื่องกล้องถ่ายภาพมาโดยตลอด ซึ่งเห็นได้จากประสิทธิภาพของกล้องที่พัฒนามาตั้งแต่ Huawei P9, P10 หรือ Huawei Mate 10 Pro เรือธงรุ่นล่าสุด ซึ่งการเปิดตัว Huawei P20 Pro ในครั้งนี้ Huawei ก็ได้พัฒนากล้องถ่ายภาพให้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใช้งานกล้องด้านหลังถึง 3 ตัว (Triple-Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวแรกความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพสี (RGB), กล้องตัวที่สองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) และกล้องตัวที่สามเป็นเลนส์ Telephoto ทางยาวโฟกัส 80mm ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับการละลายฉากหลังในการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ โดยกล้องทั้ง 3 ตัวใช้เลนส์ VARIO SUMMILUX ซึ่งมีคุณภาพสูงที่สุดของ Huawei ด้วย ส่วนขนาดเม็ดพิกเซลมีขนาดอยู่ที่ 2 ไมครอน ซึ่งขนาดเม็ดพิกเซลที่ใหญ่เช่นนี้ทำให้กล้องสามารถเก็บรายละเอียดภาพได้มากยิ่งขึ้น พร้อมระบบโฟกัสที่รวดเร็วฉับไวด้วย Laser Duo Focus

 

แสงน้อยก็ไม่เป็นปัญหาด้วยขีดสุดของ ISO สูงถึง 102,400


หลายๆ คนคงเคยประสบปัญหาการถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือถ่ายภาพในเวลากลางคืนด้วยสมาร์ทโฟนกันมาบ้าง เพราะภาพที่ได้นั้นจะมีความสั่นเบลอ หรือไม่คมชัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องทำให้ช้า เพื่อให้แสงเข้ามาเยอะๆ ในกรณีที่ไม่มีการชดเชยแสงด้วย ISO แต่สำหรับ Huawei P20 Pro ถูกพัฒนากล้องถ่ายภาพมาเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใช้ด้วยความสามารถในการปรับค่าความไวแสง (ISO) ได้สูงสุดถึง 102,400 ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพกลางคืนได้ง่ายดายขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องระวังกันสักเล็กน้อยว่าการปรับ ISO ในระดับสูงๆ นั้นอาจส่งผลให้ภาพเกิด Noise ตามมาด้วย

 

ขยับวัตถุให้เข้าใกล้มากขึ้นด้วยระบบซูม Hybrid 5x


ด้วยการใช้งานกล้องถายภาพถึง 3 ตัว (Triple-Camera) ของ Huawei P20 Pro ทำให้ตัวกล้องสามารถซูมภาพแบบ Lossless Zoom ได้มากขึ้นเป็น 3 เท่า แล้วใช้ซอฟต์แวร์ขยายความละเอียดของภาพจากระดับ 40 ล้านพิกเซล อีก 2 เท่า กลายเป็นระบบซูมภาพแบบ Hybrid 5x

 

หยุดทุกความเคลื่อนไหวให้ช้าลงด้วยฟีเจอร์ Slo-Mo 960fps


นอกจากฟีเจอร์ในด้านการถ่ายภาพแล้ว Huawei P20 Pro ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจในเรื่องของการถ่ายวิดีโอด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ฟีเจอร์ Super Slow Motion ที่สามารถถ่ายด้วยความเร็วสูงถึง 960fps เลยทีเดียว ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือคิดค้นมุมมองใหม่ๆ ได้ตามต้องการ และได้ความแปลกใหม่จากฟีเจอร์ Slo-Mo เพื่อนำไปใช้ในการตัดต่อคลิปวิดีโอด้วย

 

ทุกภาพถ่ายจะสวยงามอย่างง่ายดายด้วย AI Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ


หลังจากที่ Huawei ได้พัฒนาระบบ AI ที่ช่วยเรื่องการถ่ายภาพลงในชิปเซ็ต Kirin 970 และเปิดตัวระบบดังกล่าวอย่างเป็นทางการใน Huawei Mate 10 Pro เป็นรุ่นแรก ล่าสุดทาง Huawei ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวให้มีความก้าวล้ำมากยิ่งขึ้นใน Huawei P20 Pro เริ่มตั้งแต่ ระบบ AI 4D Predictive Focus ที่ช่วยในเรื่องการโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้คมชัดตลอดเวลา, Master AI 19 โหมด สำหรับการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ เช่น อาหาร, Landscape, ดอกไม้, บุคคล ฯลฯ, AI Assist Composition ระบบมาตรวัดระดับน้ำเพื่อรักษาความสมมาตรไม่ให้ภาพเอียง และฟีเจอร์สำคัญอย่าง AI Image Stabilization ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือที่มืดได้ดีมากยิ่งขึ้น โดย AI จะประมวลผลภาพเพื่อป้องกันการสั่นไหว ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้มือถ่ายได้นานถึง 8 วินาที ส่วนการถ่ายวิดีโอก็มีระบบป้องกันการสั่นไหวเช่นเดียวกัน โดย AI จะตรวจจับเฟรมภาพภายใน 2 วินาที จากนั้นจึงจะล็อกเฟรมภาพให้นิ่งที่สุด ตามวัตถุที่โฟกัสไว้

 

แบตเตอรี่สุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน


หัวใจสำคัญของสมาร์ทโฟนก็คือ "แบตเตอรี่" เพราะถ้าหากต่อให้สมาร์ทโฟนมีฟีเจอร์สุดล้ำที่ใช้งานได้หลากหลายแต่มีความจุแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างน้อยก็ไม่น่าเป็นผลดีเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ Huawei P20 Pro นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรรี่สุดอึกที่ความจุ 4000 mAh พร้อมรองรับระบบ Fast Charge ส่วน Huawei P20 ใช้งานแบตเตอรี่ความจุ 3400 mAh ซึ่งรองรับระบบ Fast Charge ด้วยเช่นเดียวกัน

 

สรุปราคา และวันวางจำหน่าย


เรียกได้ว่าการกลับมาของ Huawei P20 Series ในครั้งนี้มาพร้อมกับความสามารถ และประสิทธิภาพที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นอย่าง ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับดีไซน์ และสีสันแบบใหม่, หน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ และคมชัดเต็มตาด้วยดีไซน์หน้าจอไร้ขอบแบบ FullView Display, ความเร็วแรงในการใช้งานด้วยขุมพลัง Kirin 970 และ RAM 6GB, กล้องถ่ายภาพ 3 ตัว (Triple-Camera) ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย โดย Huawei P20 และ P20 Pro เปิดราคาวางจำหน่าย ดังนี้

- Huawei P20 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 699 ยูโร
- Huawei P20 Pro มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 899 ยูโร


สำหรับท่านใดที่สนใจอาจต้องอดใจรอสักระยะว่า Huawei (ประเทศไทย) จะประกาศราคาวางจำหน่ายของ Huawei P20 Series อย่างเป็นทางการในช่วงใด ซึ่งทางทีมงานได้ข้อมูลมาว่า Huawei P20 และ P20 Pro จะเข้ามาวางจำหน่ายที่บ้านเราในเร็วๆ นี้ด้วย หากทราบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร เราจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งโดยเร็วที่สุดครับ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 27/3/2561

Tags :
  



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy