รู้จัก Mi Mix มือถือที่ Xiaomi ตั้งใจสร้างให้ล้ำกว่ามือถือทุกรุ่น
หากพูดถึง Xiaomi หลายคนน่าจะนึกถึงแบรนด์ที่เน้นทำสมาร์ทโฟนสเปกแรง ในราคาที่ประหยัด และถูกกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ กันเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วนอกเหนือจากมือถือสเปกคุ้มราคาประหยัด Xiaomi ยังมีการพัฒนาสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีนวัตกรรมสุดล้ำอยู่ด้วยเช่นกัน แถมยังเป็นมือถือที่ทาง Xiaomi ตั้งใจให้ล้ำกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ นั่นก็คือ Xiaomi Mi Mix วันนี้เราไปทำรู้จักความเป็นมาของมือถือตระกูลนี้กันดีกว่าครับ
ต้นกำเนิดของ Mi Mix
Xiaomi Mi Mix เผยโฉมออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2016 ทันทีที่เปิดตัว ก็กลายเป็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้างทันที เพราะ Xiaomi เลือกที่จะพลิกโฉมการดีไซน์ใหม่ ที่รู้สึกว่าเป็นของ “ใหม่จริงๆ” ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีขอบด้านบนบางเฉียบจนแทบมองไม่เห็นขอบ ราวกับว่าหน้าจอมือถือรุ่นนี้กลืนไปกับแบ็กกราวด์ด้านหลัง ส่วนขอบด้านล่างยังคงต้องมีอยู่เนื่องจาก Xiaomi ย้ายกล้องเซลฟี่ไปไว้ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง
ที่น่าสนใจก็คือ Xiaomi เลือกที่จะใช้สัดส่วนการแสดงผลที่ดูต่างออกไปจากมือถือรุ่นอื่นๆ ด้วยการแสดงผลแบบแบบ 17:9 และความละเอียดระดับ 2048x1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดหน้าจอที่ทาง Xiaomi ปรับปรุงขึ้นมาเอง ไม่ใช่ความละเอียดหน้าจอแบบกระแสหลักเหมือนกับที่ใช้กันทั่วไปอย่าง HD หรือ Full HD
การออกแบบมือถือ Xiaomi ในยุคนั้นสร้างแตกต่างจากมือถือในยุคปี 2016 ที่ยังคงมีขอบด้านบน และขอบด้านล่างปรากฏให้เห็นกันแบบชัดเจน ด้วยดีไซน์ที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน ทำให้หลายคนถึงกับเอ่ยปากบอกว่า มือถือรุ่นใหม่จากแบรนด์คู่แข่งที่เปิดตัวออกมาในปีเดียวกันอย่าง iPhone 7 และ Google Pixel ดูล้าหลังไปทันที
ไม่เพียงเท่านั้น Xiaomi Mi Mix ท้าทายการออกแบบ ด้วยบอดี้ที่ผลิตมาจากวัสดุคาร์บอนเซรามิก ที่มีความแข็งแกร่งสูงเป็นพิเศษ ไม่ใช่บอดี้แบบโลหะ หรือกระจกเหมือนกับที่ใช้กันในมือถือทั่วๆ ไปบนท้องตลาด ซึ่งสาเหตุที่ Xiaomi เลือกผลิตบอดี้จากคาร์บอนเซรามิกก็เพราะต้องการให้ทนต่อแรงกระแทก, แรงเสียดสี และรอยขีดข่วนเป็นพิเศษ
Xiaomi Mi Mix ยังท้าทายการออกแบบไปอีกขั้น ด้วยการย้ายเซ็นเซอร์ทั้งหมดที่เคยอยู่บริเวณขอบด้านบน ไปติดตั้งเอาไว้ด้านใต้ของหน้าจอแสดงผล เนื่องจาก Mi Mix มีขอบบางเฉียบจนแทบจะไร้ขอบแล้ว โดย Xiaomi เลือกจับมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิคอย่าง Elliptic Labs เพื่อพัฒนา Proximity Sensor (เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะห่างเพื่อดับหน้าจอแบบอัตโนมัติ) ที่สามารถทำงานใต้หน้าจอได้ อีกทั้งยังมีการพัฒนาเซ็นเซอรเทคโนโลยีสุดล้ำที่มีชื่อว่า Cantilever piezoelectric ceramic acoustic ซึ่งจะเป็นฮาร์ดแวร์ที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ ทำหน้าที่คอยแปลงสัญญาณ พร้อมกับส่งคลื่นเสียงผ่านการสั่นสะเทือนภายในตัวเครื่องไปยังที่หูของผู้ใช้งาน ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงจากปลายสายเพียงแค่นำมือถือขึ้นมาแนบหูเท่านั้น
ล้ำหน้าจนนำหน้า
Mi Mix 2s
หลังจากที่ปลุกกระแสหน้าจอไร้ขอบบน Xiaomi Mi Mix รุ่นแรกไป ก็เริ่มทำให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์ในวงการมือถือ โดยในปี 2017 แบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มที่จะขยายพื้นที่หน้าจอให้มากขึ้น ด้วยการลดขอบจอให้เหลือบางที่สุดเท่าที่จะทำได้ นำโดยแบรนด์ LG ที่เปิดตัว LG G6 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมกับหน้าจอขอบบางทั้งด้านบน และด้านล่างแบบ FullVision ที่มีสัดส่วนในการแสดงผลแบบ 19:9 ซึ่งนอกจาก LG แล้วก็มีแบรนด์อื่นๆ เลือกที่จะใช้ดีไซน์ในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Mate10 Series หรือ Samsung Galaxy S8 Series เป็นต้น
นอกจากหน้าจอที่ขอบบางเฉียบจนแทบจะไร้ขอบแล้ว Xiaomi ยังนำเทรนด์ด้านการย้ายตำแหน่งกล้องหน้า จากแต่ก่อนที่กล้องหน้าจะอยู่คู่กับขอบด้านบน ก็ทำให้เราเห็นมือถือที่มีกล้องหน้าติดตั้งเอาไว้ตามตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเจาะขอบหน้าจอมุมใดมุมหนึ่งเพื่อติดตั้งกล้องหน้า ไปจนถึงการพัฒนากลไกกล้องหน้าเด้งได้แบบ Pop-up Camera
Mi Mix 3
ในปี 2018 Xiaomi ตัดสินใจสานต่อ Mi Mix อีกครั้งกับรุ่น Mi Mix 3 โดยมาพร้อมกับหน้าจอขอบบางเฉียบทั้งด้านบน และด้านล่าง พร้อมกับย้ายชุดกล้อง และเซ็นเซอร์ทั้งหมด ไปติดตั้งไว้ในกลไกกล้องสไลด์ด้วยมือ ทำให้หน้าจอแสดงผลจะไม่มีรอยบาก หรือติ่งกล้องหน้ามาบดบังความสวยงามให้รำคาญใจ แต่อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ Mi Mix 3 แม้จะดูลำ แต่คงอาจใช้คำว่า “ใหม่จริงๆ” เหมือนกับ Mi Mix ได้ไม่เต็มปาก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีแบรนด์ OPPO ที่ใช้ดีไซน์ในลักษณะดังกล่าวกับรุ่น OPPO Find X แถมยังล้ำกว่าด้วยกลไกกล้องสไลด์แบบอัตโนมัติที่ใช้มอเตอร์เป็นตัวขยับชุดกล้อง ไม่ต้องสไลด์ด้วยมือให้ยุ่งยาก ทำให้ Mi Mix 3 อาจไม่ได้รับความสนใจเหมือนกับ Mi Mix รุ่นที่ผ่านๆ มา
ในปีต่อมา Xiaomi แก้เกมใหม่ด้วยการเปิดตัว Mi Mix Alpha ในปี 2019 สมาร์ทโฟนที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต ด้วยหน้าจอแสดงผลที่โอบล้อมจากด้านหน้า ไปจนถึงด้านหลังของตัวเครื่อง หรือหากคิดเป็นสัดส่วนแล้ว Mi Mix Alpha มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องมากถึง 180.6% ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกตัดออก และแทนที่ด้วยระบบสัมผัสด้านข้างหน้าจอเพื่อสั่งการ รวมทั้งยังโดดเด่นด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล
แม้อ่านดูแล้ว Mi Mix Alpha ดูจะเป็นเพียงคอนเซ็ปท์โฟนเท่านั้น แต่ Xiaomi ก็แสดงให้เห็นว่า Mi Mix Alpha จะไม่ได้มีเพียงแค่รูปหรือเครื่องตัวโชว์ เพราะในปี 2020 Xiaomi เริ่มวางจำหน่าย Mi Mix Alpha ในหลายๆ ประเทศอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากนวัตกรรมที่ค่อนข้างล้ำหน้า และสเปกที่ค่อนข้างสูง ทำให้ Mi Mix Alpha เปิดราคาวางจำหน่ายที่สูงถึงราว 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 78,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่ามือถือเรือธงของ Xiaomi หลายเท่า ทำให้ชื่อของมือถือ Mi Mix เริ่มห่างหายไป
ถึงเวลา Come back
ปี 2021 ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ Xiaomi กลับมาเอาจริงเอาจังกับมือถือ Mi Mix อีกรอบหลังจากที่ปล่อยให้มือถือซีรีส์อื่นๆ ของตัวเองทำตลาดมาอย่างยาวนาน โดยทาง Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi ได้ออกมาประกาศให้ทราบอย่างชัดเจนว่า Mi Mix จะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งในปี 2021 พร้อมกับได้มีภาพคอนเซ็ปท์ของ Mi Mix 4 ถูกปล่อยออกมา โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบไร้รอยบากคล้ายกับ Mi Mix 3 แต่เหนือกว่าด้วยระบบกล้องที่ถูกฝังเอาไว้ใต้หน้าจอ ไม่จำเป็นต้องเจาะรูกล้องหน้าเหมือนกับสมาร์ทโฟนในยุคปัจจับันแต่อย่างใด ซึ่งนับว่าเป็นการสวนกระแสการออกแบบมือถืออีกครั้งคล้ายกับ Mi Mix รุ่นแรก
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า Mi Mix 4 จะอัดสเปกมาให้สุดทางทุกด้าน ด้วยหน้าจอขอบโค้ง 4 ด้านทำมุม 88 องศ่า ภายในขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 888 พร้อมระบบชาร์จเร็ว 120W และรองรับการชาร์จไร้สายความเร็วสูงที่ 67W พร้อมหน้าจอที่มีค่า Refresh Rate ในระดับสูง แต่การมาถึงครั้งนี้ของ Mi Mix 4 จะสามารถเขย่าวงการมือถือได้อีกครั้งไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง : Nashville Chatter
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 15/2/2564
