ก่อนจะมาถึง S20...ย้อนดูวิวัฒนาการ Samsung Galaxy S Series ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
นับมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เราได้เห็นสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S Series โลดแล่นบนท้องตลาด ซึ่งการเปิดตัวในแต่ละปีก็มาพร้อมกับนวัตกรรมที่น่าสนใจ และในบางครั้งก็เป็นตัวกำหนดมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในปีนั้นๆ ด้วย ซึ่งใน 2020 นี้ทาง Samsung ก็เพิ่งจะเปิดตัว Galaxy S20 Series ให้ได้เห็นกัน ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เปรียบเสมือนประตูเปิดทางสำหรับมือถือยุคใหม่ในทศวรรษนี้ แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปกับ Samsung ในอีก 10 ปีต่อจากนี้ ลองย้อนกลับไปดู 10 ปีที่ผ่านมากันดีกว่าว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้รายนี้ สร้างสรรค์ผลงานอะไรไว้กับ Galaxy S Series บ้างครับ
ประวัติ Samsung Galaxy S Series ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
- Galaxy S (เปิดตัวปี 2010)
- Galaxy S II (เปิดตัว 2011)
- Galaxy S III (เปิดตัวปี 2012)
- Galaxy S4 (เปิดตัวปี 2013)
- Galaxy S5 (เปิดตัวปี 2014)
- Galaxy S6 / S6 Edge (เปิดตัวปี 2015)
- Galaxy S7 / S7 Edge (เปิดตัวปี 2016)
- Galaxy S8 / S8 Plus (เปิดตัวปี 2017)
- Galaxy S9 / S9 Plus (เปิดตัวปี 2018)
- Galaxy S10e / S10 / S10 Plus (เปิดตัวปี 2019)
- Galaxy S20 / S20 Plus / S20 Plus (เปิดตัวปี 2020)
Samsung Galaxy S (2010)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 2 มิถุนายน 2010
Galaxy S รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2010 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นถึงมือถือ S Series ที่ถือเป็นตัวท็อปสุดของ Samsung ณ ตอนนั้นจะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน ซึ่งยอดขายก็ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะ Samsung สามารถขาย Galaxy S รุ่นแรกไปได้มากกว่า 20 ล้านเครื่องทั่วโลกเลยทีเดียว
สำหรับสเปก Galaxy S ถือว่าจัดเต็มมากในยุคนั้น ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 4 นิ้ว (ซึ่งถือว่าใหญ่มากในยุคนั้น) พร้อมชิปเซ็ตความเร็ว 1GHz ที่ Samsung พัฒนาขึ้นมาเองในชื่อ Hummingbird แต่น่าเสียดายที่ Galaxy S ยังคงใช้วัสดุเป็นพลาสติก ไม่ใช่ดีไซน์โลหะหรูๆ เหมือนกับ Samsung Wave ที่เปิดตัวในปีเดียวกัน
แม้ว่า Galaxy S รุ่นแรกจะไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่ Perfect ที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมที่สุดรุ่นหนึ่งในปี 2010 และยังได้รับการยกย่องให้เป็นมือถือ Android ที่ต้องมีจากสื่อหลายสำนัก
Samsung Galaxy S II (2011)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 28 เมษายน 2011
Galaxy S Series รุ่นที่สองเปิดตัวในปีต่อมาโดยใช้ชื่อ Galaxy S II ซึ่งก็ได้เข้ามาสานต่อความสำเร็จของรุ่นแรกได้เป็นอย่างดี (แม้ว่าจะเป็นงานยากพอสมควร) ด้วยยอดขาย 3 ล้านเครื่องภายในระยะเวลา 55 วัน และ 10 ล้านเครื่องทั่วโลกภายใน 5 เดือน ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้รับการยกย่องเป็นมือถือแห่งปี (Smartphone of The Year) ภายในงาน Mobile World Congress 2012 เลยทีเดียว
จุดเด่นของ Galaxy S II คือการมาพร้อมกับตัวเครื่องที่บางเฉียบที่สุดในยุคนั้น ด้วยความหนาราว 8.49 มม. พร้อมหน้าจอ Super AMOLED ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น และฮาร์ดแวร์ที่เร็วขึ้น แต่จุดที่หลายคนมองว่ายังคงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอยู่ ก็คือในเรื่องของดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นแรกมากไปสักหน่อย
Galaxy S III (2012)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 22 มีนาคม 2012
Galaxy S III ถือเป็นเรือธงที่หลายคนในยุคนั้นตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างมาก โดยหลายฝ่ายคาดว่าทาง Samsung จะจัดเต็มในเรื่องของฮาร์แวร์เพื่อก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของสมาร์ทโฟน Android รวมไปถึงปรับทิศทางการออกแบบสมาร์ทโฟนใหม่
โดย Galaxy S III ก็ไม่ทำให้หลายคนผิดหวังในเรื่องของสเปก แต่ในส่วนของดีไซน์แล้วยังคงเลือกใช้ดีไซน์พลาสติกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ แทนที่จะเป็นวัสดุแบบเซรามิคเหมือนกับที่หลายคนในยุคนั้นอยากเห็น และแม้ว่า Galaxy S III จะไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดในปี 2012 แต่ก็ถือว่าหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานเป็นอย่างมาก ด้วยสเปกที่ลื่นไหล รวมไปถึงระบบปฏิบัติการ TouchWiz UI ที่ได้รับการยกเครื่องใหม่
Galaxy S4 (2013)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 27 เมษายน 2013
Galaxy S4 ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ Galaxy S3 แต่เครื่องบางกว่า, แรงกว่า และดีกว่าทุกๆ ด้าน โดยในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่ Samsung เลิกใช้เลขโรมัน และหันไปใช้ตัวเลขอาราบิคกับ S Series โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ขึ้น, ชิปเซ็ตเร็วขึ้นกว่าเดิม, กล้องถ่ายภาพที่ดีกว่า รวมไปถึง TouchWiz UI ที่มีลูกเล่นมากกว่า ในขณะที่ตัวเครื่องมีขนาดพกพาได้ง่ายกว่ารุ่นก่อน
Galaxy S5 (2014)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 27 มีนาคม 2014
Galaxy S5 เป็นรุ่นที่ Samsung เพิ่มลูกเล่นต่างๆ ขึ้นมาให้ดูจัดจ้านมากขึ้น โดยแม้ว่าดีไซน์จะคล้ายกับรุ่นก่อนๆ แต่เป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung กันน้ำกันฝุ่นได้ โดยหยิบยกฟีเจอร์นี้มาจากมือถือพันธ์แกร่งอย่าง Galaxy S4 Active นั่นเอง ส่วนที่ด้านหลังตัวเครื่องปรับใหม่ไปใช้ดีไซน์ลายจุด (ที่ในช่วงนั้นถูกแซวว่าคล้ายกับพลาสเตอร์ยาปิดแผล) ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ดีทีเดียว
Galaxy S5 ยังถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับการยกเครื่องใหม่ โดยครั้งนี้ทาง Samsung มุ่งเน้นพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่มีประโยชน์ และซอฟท์แวร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริงเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นลูกเล่นที่ยังคงอยู่ใน TouchWiz UI เช่นเดิม
Galaxy S6 และ S6 edge (2015)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 10 เมษายน 2015
ปีนี้เป็นปีแรกที่ Samsung ตัดสินใจเปิดตัวเรือธงให้เห็นถึง 2 ตัว รวมทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องของดีไซน์ที่ได้รับไปใช้โลหะผสานกับกระจก รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกที่หน้าจอแสดงผลมีความละเอียดสูงถึงระดับ 2K เต็มความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ซึ่งถือว่ามากกว่าแล็ปท็อปในยุคนั้นเสียอีก แต่คุณสมบัติบางอย่างที่เคยอยู่บน Galaxy S5 กลับถูกตัดออกไป ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติกันน้ำ, แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนเองได้ รวมไปถึงช่องใส่ microSD Card
ส่วนในรุ่น Galaxy S6 edge ก็มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ด้วยหน้าจอแสดงผลที่มีความโค้งทั้งสองด้าน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน Samsung และยังเป็นครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟนอีกด้วย
Galaxy S7 และ S7 edge
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 11 มีนาคม 2016
เป็นอีกครั้งที่ Samsung ตัดสินใจเปิดตัวเรือธงออกมาทั้งสองรุ่นที่มีทั้งจอโค้ง และไม่โค้ง ซึ่งในรุ่นนี้ได้ใส่ฟีเจอร์ที่ถูกตัดออกไปในรุ่น Galaxy S6 ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่น รวมไปถึงการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก microSD Card ส่วนแบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนเองได้นั้น ถูกตัดทิ้งไปตลอดกาล ซึ่งในปัจจุบันเราก็ไม่เคยเห็นฟีเจอร์ดังกล่าวบน Galaxy S series อีกเลย
Galaxy S8 และ S8+
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 21 เมษายน 2017
ครั้งแรกของ Galaxy S Series ที่มีรุ่น พลัส (+) เปิดตัวออกมาด้วย แต่จุดที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ในปีนี้หน้าจอทั้งสองรุ่นมีความโค้งเหมือนกันทั้งหมด รวมทั้งดีไซน์ยังแปลกตาเพราะ Samsung ได้ลดขอบด้านบน และด้านล่างให้เหลือน้อยลงเท่าที่จะทำได้ พร้อมย้ายสแกนลายนิ้วมือจากเดิมที่อยู่ด้านหน้า ไปไว้ด้านหลังตัวเครื่องแทน พร้อมกับใส่ระบบสแกนม่านตา Iris Scanner มาให้ด้วย
Galaxy S8 และ S8+ ยังเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งยังอัปเกรดสเปกให้แรงขึ้นด้วยขุมพลัง Exynos 8895 และติดตั้งกล้องหลังคู่มาให้ในรุ่น S8+ เป็นครั้งแรกของ S Series
Galaxy S9 และ S9+
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 16 มีนาคม 2018
Galaxy S9 และ S9+ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2018 โดยมาพร้อมกับกล้องหลังอัปเกรดใหม่พร้อมฟีเจอร์ Dual Aperture ที่สามารถสลับค่ารูรับแสงได้ตามสภาพแวดล้อม เพื่อช่วยถ่ายภาพให้ดรขึ้น ส่วนทางด้านสเปกแน่นอนว่าเลือกใช้ขุมพลังระดับท็อปสุดเท่าที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ด้วยชิป Exynos 9810 ประกบคู่กับ RAM สูงสุดขนาด 6GB พร้อมทั้งยังมีการปรับตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่องใหม่ให้อยู่ในจุดที่ใช้นิ้วชี้วางเพื่อปลดล็อกได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
Galaxy S10e, S10 และ S10 Plus (2019)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 8 มีนาคม 2019
ในปี 2019 เป็นครั้งแรกที่ Samsung เปิดตัวเรือธง S Series ครั้งเดียวให้เห็นถึงสามรุ่น โดยวางรุ่น S10e เป็นรุ่นเริ่มต้นราคาประหยัด โดยทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ด้วยหน้าจอแสดงผลที่บางเฉียบยิ่งกว่าเดิม ทำให้จำเป็นต้องมีการเจาะรูบนหน้าจอเพื่อติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ Samsung ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic สวนทางกับแบรนด์สมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ในตอนนั้นที่มักจะใช้เซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอแบบ Optical
ส่วนสเปกด้านอื่นๆ จัดเต็มด้วยขุมพลัง Exynos 9820 ประกบคู่กับหน่วยความจำภายในเริ่มต้นที่ 128GB พร้อมติดตั้งระบบกล้องหลัง 3 ตัวเป็นครั้งแรกในรุ่น S10 และ S10+ ประกอบไปด้วย กล้อง Ultra-Wide, กล้อง Wide และกล้อง Telephoto
Samsung Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra (2020)
วันวางจำหน่ายในต่างประเทศ 11 มีนาคม 2020
เดินทางมาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy S20 Series ที่ในครั้งนี้ Samsung เน้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพเป็นหลัก ซึ่งเราจะเห็นได้จากฟังก์ชันซูม 100 เท่าบน Galaxy S20 Ultra และยังเป็นครั้งแรกที่ Samsung เลือกใช้เซ็นเซอร์กล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซลบนสมาร์ทโฟนของตนเอง และยังเป็นครั้งแรกที่ Galaxy S ทุกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G (เฉพาะเครื่องที่ขายในบางประเทศ)
ส่วนสเปกอัปเกรดไปใช้ชิปเซ็ต Exynos 990 พร้อม RAM LPDDR5 เป็นครั้งแรกของค่าย นอกจากนี้ ยังปรับความจุแบตเตอรี่ใหม่โดยในรุ่น S20 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4000mAh ส่วนทางด้าน S20+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ส่วนรุ่นท็อปสุดในปีนี้ และเป็นครั้งแรกที่มีรุ่น Ultra อย่าง Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh
ที่มา : PhoneArena
วันที่ : 14/2/2563
