“มือถืออินดี้” กลายเป็นคำที่หลายคนมักนำมาใช้เรียก Sony ในช่วงหลัง ด้วยเหตุผลด้านการเปิดตัว และการวางจำหน่ายที่ค่อนข้างล่าช้า ไปจนถึงสเปกที่ค่อนข้างดูจะมีตัวเลขน้อยไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ จนถึงทำ Sony อาจดูเป็นแบรนด์ที่อินดี้ ไม่ทำตามกระแสหลักในมุมมองของใครหลายต่อหลายคน แต่ในความจริงแล้ว หากเราย้อนกลับไปดูผลิตภัณฑ์ของ Sony ในยุคที่ผ่าน ๆ มา ก็ไม่แน่ว่า จริง ๆ แล้ว Sony อาจเป็นผู้ที่มาก่อนกาล และล้ำหน้ามือถือยุคปัจจุบันไปแล้วก็เป็นได้ครับ

 

หน้าจอ 4K ที่มาก่อนกาล ?

Xperia S

ในเรื่องของหน้าจอแสดงผลบนมือถือ Sony เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่วางรากฐานให้กับสมาร์ทโฟนในยุคนี้เลยก็ว่าได้ โดย Sony Xperia S ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2012 ถือเป็นมือถือรุ่นแรก ๆ ในวงการที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลคมชัดระดับ 720P เพื่อช่วยให้แสดงผลคมชัดมากยิ่งขึ้น แถมยังมีพอร์ต microHDMI เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับทีวีเพื่อแสดงผลได้อีกด้วย และอีกหนึ่งจุดขายของ Xperia S คือการรองรับ PlayStation Store ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมบนมือถือได้อย่างง่ายดาย

 

Xperia Z

Sony ไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะต่อมาในปี 2013 บริษัทก็ผลักดันเทคโนโลยีหน้าจอคมชัดระดับ 1080p มาติดตั้งไว้ในมือถือได้สำเร็จกับรุ่น Xperia Z ที่เปิดตัวให้เห็นภายในงาน CES 2013 โดยนอกเหนือจากหน้าจอที่ชัดแล้ว Xperia Z ยังมาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ 5 นิ้ว ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่ในยุคนั้น แถมยังเสริมเขี้ยวเล็บด้วย BRAVIA Mobile Engine 2 ที่ช่วยให้การแสดงสีสันมีความคมชัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้บนโทรทัศน์ BRAVIA ของ Sony ที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี

 

Z5 Premium

แต่ความเปลี่ยนแปลงด้านหน้าจอที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับ Sony มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการก้าวข้ามขีดจำกัดด้านความละเอียด กับมือถือรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับหน้าจอระดับ 4K อย่าง Xperia Z5 Premium ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2015 

แม้จะดูเป็นฟีเจอร์ที่น่าประทับใจ แต่จอมือถือ Sony จอ 4K ก็อาจดูมาเร็วเกินไปสักหน่อย เพราะผู้ให้บริการสตรีมมิ่งในยุคนั้นอย่าง Netflix ก็ยังไม่ให้บริการคอนเทนต์ระดับ 4K ให้กับสมาร์ทโฟน (แต่เริ่มให้บริการสตรีมมิ่ง 4K ให้กับแพลตฟอร์มอื่นแล้ว) แถมเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในยุคนั้นก็ยังไม่เร็ว และเสถียรมากพอที่จะสตรีมมิ่งคอนเทนต์ระดับ 4K ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกมส่วนใหญ่ก็แสดงผลที่ความละเอียดระดับ 1080P เท่านั้น 

 

Xperia 1 III

เวลาล่วงเลยไปหลายปี แต่มือถือเรือธงส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้หน้าจอความละเอียดระดับ 1080P หรือ 2K อยู่เช่นเดิม จนในปี 2021 Sony ก็สร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Xperia 1 III สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับจอ 4K เช่นเดิม แต่คราวนี้เหนือกว่าตรงที่เป็นมือถือรุ่นแรกของโลก ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ OLED HDR พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz 

การมาของ Xperia 1 III ในรอบนี้ดูเหมือนจะเริ่มถูกที่ถูกเวลา เพราะเกมส่วนใหญ่เริ่มมีค่าเฟรมเรทที่สูงขึ้น และต้องการหน้าที่ Refresh Rate ที่สูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ก็เริ่มปรับตัวให้แสดงผลให้เหมาะสมกับหน้าจอ Refresh Rate สูงแล้ว ในส่วนของคอนเทนต์ ก็มีผู้ให้บริการอย่าง YouTube ที่สามารถสตรีมมิ่งคอนเทนต์ระดับ 4K ให้กับมือถือได้แล้วเช่นกัน 

 

จอ Refresh Rate สูงที่มาก่อนกาล ?

ในยุคที่มือถือใช้หน้าจอ Refresh Rate สูงกันอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นมาตรฐานสำหรับมือถือยุคใหม่ แต่ใครจะเชื่อว่า Sony ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ริเริ่ม และ (เกือบ) เคยนำหน้าจอ Refresh Rate สูงมาใช้งานกับมือถือตัวเองเหมือนกันตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ต่างกันตรงที่ Sony ไม่ยอมเปิดให้ใช้งาน (แบบง่าย ๆ) เท่านั้น

 

XZ Premium

เรื่องราวดังกล่าวถูกค้นพบโดยสมาชิกรายหนึ่งแห่งเว็บไซต์รวมนักพัฒนาอย่าง XDA-Developers ที่ค้นพบจากการแกะ Source Code ว่า Xperia XZ Premium เรือธงประจำปี 2017 มาพร้อมกับความสามารถลับด้วยหน้าจอที่สามารถแสดงผลระดับ 1080p @ 120fps หรือแสดงผลตามค่า Refreh Rate 120Hz เหมือนกับมือถือยุคปัจจุบันได้ แต่ Sony เลือกที่จะล็อกไว้ไม่ให้ผู้ใช้เปิดใช้งานได้ง่าย ๆ หนทางเดียวที่จะเข้าถึงฟีเจอร์ดังกล่าวได้ก็ต้องปรับแต่งลงลึกไปถึงระดับ Kernel ของระบบปฏิบัติการเท่านั้น

ไม่ใช่เพียงแค่ XZ Premium รุ่นเดียวที่มีฟีเจอร์นี้ แต่เมื่อขุดคุ้ยก็พบว่า ยังมีมือถือ Sony อีกหลายรุ่นที่ถูกปิดกั้นฟีเจอร์นี้อย่างปริศนา แถมบางรุ่นก็เปิดตัวมาก่อน Xperia XZ Premium ด้วย Xperia X (เปิดตัวเมื่อปี 2016), Xperia X Performance, Xperia XZ, Xperia XZ1, Xperia XZ1 Compact, Xperia XA2 และ XA2 Ultra 

แม้จะไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า เพราะเหตุใด Sony ถึงไม่เปิดฟีเจอร์หน้าจอ 120Hz ให้ใช้งานทั้ง ๆ ที่มือถือที่เปิดตัวในยุคเดียวกันอย่าง Razer Phone ก็มีฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า Sony อาจมองว่าฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ในยุคนั้นยังไม่พร้อมสำหรับหน้าจอ Refresh Rate สูง รวมทั้ง Sony อาจไม่ต้องการให้ซ้ำรอยเดิมกับ Xperia Z5 ที่มาพร้อมกับหน้าจอ 4K รุ่นแรกของโลกในยุคที่คอนเทนต์สำหรับมือถือยังไม่พร้อมสำหรับคอนเทนต์ 4K ก็เป็นได้

 

เกมมิ่งโฟนที่มาก่อนกาล ?่

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ มือถือที่เรียกว่า “เกมมิ่งโฟน” หรือมือถือที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ กลายเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภค และผู้ผลิตเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้ว่าในตอนนี้ Sony ยังไม่ได้ส่งเกมมิ่งโฟนลงมาแข่งขันบนท้องตลาดด้วย แต่หากย้อนกลับไปในยุคก่อน Sony ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เคยสร้างประสบการณ์การเล่นเกมบนมือถือให้ต่างไปจากเดิม

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว Sony Ericsson ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่เรียกว่า Xperia Play ที่ภายนอกก็ดูเหมือนมือถือทั่ว ๆ ไป แต่ความล้ำอยู่ตรงที่ หากเราสไลด์ตัวเครื่องออกจากด้านข้าง จะพบกับปุ่มบังคับ (Gamepad) ที่คล้ายกับจอยเกมเครื่อง PlayStation เป็นอย่างมาก แถมยังมีปุ่ม L1 และ R1 อยู่บริเวณด้านข้างของตัวเครื่องด้วย 

Xperia Play ก็เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มาเร็วเกินยุค เพราะแม้เราจะเล่นเกมผ่าน Emulator ได้จาก Xperia Play และควบคุมผ่าน Gamepad ได้โดยตรงทำให้เหมือนพกเครื่องเล่นเกมติดตัวตลอดเวลา แต่เทคโนโลยีการควบคุมเกมด้วย Gamepad บนมือถือในยุคนั้น ยังถือว่าห่างชั้นจากการเล่นเกมบนเครื่องคอนโซล ไปจนถึงฮาร์ดแวร์ที่ยังมีข้อจำกัด ทำให้ Xperia Play ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควร

ในปัจจุบันแม้ว่า Sony จะไม่ได้ผลิตมือถือที่มีลักษณะเดียวกับ Xperia Play อีกแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่า Xperia Play จะวางรากฐานของการควบคุมเกมผ่านมือถือได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากเกมมิ่งโฟนในยุคปัจจุบันที่มักจะมาพร้อมกับปุ่ม Shoulder Buttons (หรือ Shoulder Triggers) บริเวณด้านข้างตัวเครื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถ Mapping ปุ่มสำหรับบังคับเกมนอกเหนือจากการสัมผัสหน้าจอแสดงผล ไปจนถึงการออกอุปกรณ์เสริมของเกมมิ่งโฟนในรูปแบบ Gamepad ที่ควบคุม และออกคำสั่งภายในเกมได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก

 

กล้องที่มาก่อนกาล ?

ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทแทบทุกส่วนของมือถือ ทั้งการประมวลผล ไปจนถึงการถ่ายภาพให้สวยงาม Sony เองก็ได้นำร่องนำเทคโนโลยีที่คล้าย ๆ กันมาใช้งานกับกล้องมือถือมาตั้งแต่ Xperia ยุคก่อนแล้ว นั่นก็คือ Superior Auto

Superior Auto เป็นโหมดการถ่ายภาพอัตโนมัติที่มีความสามารถด้านการเลือกซีนถ่ายภาพให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เรากำลังถ่ายอยู่ เพื่อให้ภาพที่ออกมามีความสวยงามมากที่สุด โดยซีนที่รองรับก็ครอบคลุมการถ่ายภาพหลายรูปแบบ ทั้ง เอกสาร, การถ่ายภาพบุคคล หรือการถ่ายภาพกลางคืน อ่านดูแล้วก็ค่อนข้างคล้ายกับฟีเจอร์ AI กล้องในยุคปัจจุบันที่แยกแยะวัตถุ และสภาพแวดล้อมที่อยู่ตรงหน้าได้ เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ ต่างกันตรงที่ Superior Auto ของมือถือ Sony ที่ใช้กันมาในยุคก่อนก็คือ พลังของการประมวลผลที่ยังไม่มากพอสำหรับวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้แบบ real-time และจำแนกซีนได้เพียงไม่กี่ซีนเท่านั้น 

 

นอกเหนือจากความสามารถด้าน AI แล้ว ในยุคหลังมานี้ Sony ก็เริ่มนำเทคโนโลยีแบบเดียวกับกล้องใหญ่ Alpha มาใช้งานบนมือถือด้วย นั่นก็คือ Eye AF หรือฟีเจอร์โฟกัสดวงตาอัตโนมัติแบบ real-time ที่ไมว่าตัวแบบจะขยับไปในทิศทางไหน โพสท่าแบบใด กล้องก็จะสามารถโฟกัสเข้าเป้าตลอด แถมในมือถือรุ่นหลัง ๆ อย่าง Xperia 1 II ทาง Sony ก็ได้ขยายขีดความสามารถให้จับโฟกัสดวงตาของน้องสัตว์ได้ด้วย ทำให้กล้องมือถือเริ่มขยับเข้าใกล้กล้องระดับโปรทีละน้อย 

 

อุปกรณ์สองจอที่มาก่อนกาล ?

แม้อาจดูไม่เกี่ยวกับมือถือโดยตรง แต่ Sony Tablet P ก็อาจเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจของมือถือสองหน้าจอ หรือมือถือจอพับในยุคปัจจุบันก็เป็นได้ สำหรับ Sony Tablet P เป็นแท็ปเล็ตที่มาพร้อมกับดีไซน์แบบสองหน้าจอแสดงผลคล้ายกับ Nintendo DS ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วจำนวน 2 หน้าจอ ที่ถูกยึดติดกันด้วยบานพับ ช่วยให้ผู้ใช้มีพื้นที่ในการแสดงผล และพื้นที่ควบคุมแท็ปเล็ตได้อย่างอิสระ พร้อมโหมดการควบคุมเกมที่แบ่งพื้นที่จอด้านล่างเป็นจอยควบคุม และจอด้านบนเป็นส่วนแสดงผลในเกมคล้ายกับเครื่องเล่นเกมพกพา เรียกได้ว่าเป็นแท็ปเล็ตที่ล้ำยุคไปไกลพอสมควร

แต่แน่นอนว่า ด้วยการที่ Sony Tablet P เปิดตัวมาให้เห็นตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยี และระบบปฏิบัติการ Android ยังอยู่ในช่วงพัฒนา ทำให้ฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างขาดหายไป ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ไม่สามารถรับชมวิดีโอที่จอหนึ่ง และท่องเว็บไซต์บนอีกจอหนึ่งไปพร้อมกันได้ อีกทั้งแอปฯ จากนักพัฒนารายอื่น ๆ ในยุคนั้นก็ไม่ได้ถูกเขียนมาให้รองรับหน้าจอแสดงผลแบบคู่ ต่างจากมือถือจอคู่ หรือจอพับในยุคนี้ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และ Android จนทำให้เมื่อปี 2018 ทาง Google ได้ออกมาประกาศพัฒนา Android for Foldable ซึ่งเป็นหน้า UI ที่ออกแบบมาสำหรับมือถือที่มีหน้าจอแบบพับได้ เพื่อรองรับการแสดงผลของแอปพลิเคชันในสัดส่วนหน้าจอที่ต่างไปจากมือถือแบบปกติ ซึ่งก็ไม่แน่ว่า หาก Sony Tablet P เกิดมาในยุคนี้ ก็อาจเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เข้ากับยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดีก็เป็นได้

จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้ว Sony ก็ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีของดีอยู่ในมือตลอด เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาที่ของเหล่านั้นจะแมสในสายตาใครหลาย ๆ คน หรืออีกนัยนึงก็คือ Sony เป็นแบรนด์ที่อยู่ถูกที่มาโดยตลอด แต่แค่ผิดเวลาเท่านั้นเองครับ

ข้อมูลอ้างอิง : Android Authority, Sony, Android Developers Blog, Android Central, digit, trustedreviews, GSMArena

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

วันที่ : 28/6/2564