คู่มือเลือกซื้อมือถือ 2025 อัปเดตล่าสุด เลือกให้ดี เลือกให้คุ้ม ต้องดูอะไรบ้าง?
ในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 เรามักจะเจอกับคำถามว่า "จะซื้อมือถือรุ่นไหนดี?" เพราะตัวเลือกในตลาดมีเยอะเหลือเกิน ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ กล้องเทพ จอเทพ หรือแบตอึด ที่สำคัญคือเรื่องของงบประมาณที่แตกต่างกันไปตามแต่ละคน บทความนี้จะพาไล่เรียงปัจจัยต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ ตั้งแต่งบประมาณ การใช้งานหลัก ไปจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างหน้าจอ ระบบชาร์จไว และคุณสมบัติเสริมต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้มือถือที่ "ใช่" สำหรับการใช้งาน และ "คุ้ม" กับเงินที่เสียไปมากที่สุด ต้องพิจารณาอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ
1. งบประมาณ
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือ "งบประมาณ" เพราะไม่ว่ามือถือจะดีแค่ไหน หากเกินงบที่ตั้งไว้ก็ซื้อไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นควรกำหนดช่วงราคาที่สามารถจ่ายได้ก่อน จากนั้นค่อยเลือกหาตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงราคานั้นครับ
2. การใช้งานหลัก
เมื่อกำหนดงบได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการถามตัวเองว่า "จะใช้งานมือถือทำอะไรเป็นหลัก?" ซึ่งจะช่วยให้เลือกรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงใจและคุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้าเอาไว้เล่นเกม
- หากเล่นเกมทั่วไปอย่าง RoV, Free Fire หรือ PUBG มือถือช่วงราคา 7,000 – 10,000 บาทก็เพียงพอ
- แต่ถ้าเล่นเกมสเปกสูงอย่าง Genshin Impact ควรมองหารุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon 7 Series หรือ Dimensity 7300 ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
- สมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ อย่าง ROG Phone จะมีราคาสูงพอ ๆ กับรุ่นเรือธง เพราะมากับสเปกที่แรงสะใจ และฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมครบครัน หากมีงบประมาณก็ซื้อได้ ถือว่าเป็น “ตัวจบ” สำหรับการเล่นเกม แต่ถ้าไม่มีงบมากขนาดนั้น มือถือเล่นเกมราคาหลักพัน หรือหมื่นนิด ๆ ก็มีเหมือนกัน อย่างเช่น nubia Neo Series หรือ Infinix GT Series เป็นต้น ซึ่งก็เล่นเกมได้ดีเหมือนกันครับ
ถ้าเอาไว้ถ่ายรูป
- สำหรับสายตากล้อง ควรเลือกมือถือที่มีเลนส์ Telephoto อย่างน้อย 2x และมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้:
- ขนาดเซนเซอร์: ใหญ่กว่าจะเก็บแสงได้ดี ภาพจึงดูสวยกว่า
- รูรับแสง (f/): ค่ายิ่งน้อย ยิ่งเก็บแสงดี เช่น f/1.7 ดีกว่า f/2.2
- ระบบกันสั่น (OIS): สำคัญสำหรับการถ่ายกลางคืนหรือวิดีโอ
- ชิปเซ็ต: ไม่ควรเลือกรุ่นที่ใช้ชิประดับเริ่มต้น เพราะคุณภาพภาพถ่ายขึ้นกับ ISP ของชิปเซ็ต
- หากไม่ใช่สายซูมถ่ายคอนเสิร์ต ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกมือถือที่ซูม 100x หรือ 200x เพราะภาพมักไม่คมชัด และมือถือแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรือธงตัวท็อปซึ่งมีราคาสูงมาก ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนครับ
ถ้าเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง
- ใครที่เน้นดูหนัง ดูซีรีส์ มือถือราคา 5,000 บาทก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะมือถือระดับเริ่มต้นมักจะมีจอใหญ่ แบตอึด เหมาะกับการดูหนังนาน ๆ
- แต่ถ้าเป็นไปได้ ควรขยับงบมาเป็น 10,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ได้มือถือหน้าจอ OLED / AMOLED / Super AMOLED ซึ่งให้ภาพที่สวยกว่า และหน้าจอสว่างขึ้น ทำให้ดูหนังกลางแจ้งได้ดีกว่าครับ
ถ้าเอาไว้เล่นโซเชียล แชต LINE
- ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นแพง เพราะการเล่นโซเชียลไม่ได้ต้องการสเปกสูงมาก รุ่นประมาณ 5,000 บาทก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
- แนะนำให้ดูรุ่นที่แบต 5,000 - 6,000 mAh ขึ้นไป และถ้างบถึง ให้ขยับขึ้นมาที่ราว 7,000 บาทเพื่อให้ได้ชิปเซ็ตที่ดีขึ้น ลื่นไหลยิ่งขึ้น
ถ้าเอาไว้ Live หรือถ่าย TikTok
- หากต้องการมือถือสำหรับ Live ขายของ หรือถ่าย TikTok ควรให้ความสำคัญกับกล้องหน้าเป็นหลัก แม้ไม่จำเป็นต้องมีความละเอียดสูงมาก แต่ควรเลือกมือถือในช่วงราคา 7,000 บาทขึ้นไป เพราะคุณภาพของการถ่ายวิดีโอจะขึ้นอยู่กับตัวชิปเซ็ตด้วย
- นอกจากนี้ ควรเผื่องบประมาณสำหรับอุปกรณ์เสริมอย่างไฟวง แบตสำรอง หรือขาตั้งเอาไว้ด้วย หากต้องการไลฟ์แบบจริงจัง
ถ้าเอาไว้ทำคอนเทนต์ / ตัดต่อคลิป
- แนะนำให้เลือกสมาร์ทโฟนราคา 15,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ได้ชิปเซ็ตที่ดี, RAM เยอะ และหน่วยความจำที่อ่าน-เขียนข้อมูลได้รวดเร็ว เพราะแอปตัดต่ออย่าง CapCut กินสเปกพอสมควร หากใช้มือถือรุ่นที่สเปกต่ำกว่านี้อาจจะกระตุก หรือมีปัญหาจุกจิกได้
3. RAM – ความจุ – การเชื่อมต่อ
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอามือถือเครื่องใหม่ไปทำอะไร ก็ยังมีปัจจัยยิบย่อยอื่น ๆ ที่ยังต้องพิจารณากันต่ออีก ดังนี้:
- RAM 6GB ขึ้นไป: สมาร์ทโฟนปัจจุบัน แม้จะเป็นรุ่นล่างก็ควรมี RAM 6GB ขึ้นไป (ไม่รวม Virtual RAM) เพราะแอปพลิเคชันยุคใหม่เริ่มจะใช้ RAM มากขึ้น ถ้าน้อยไปอาจจะส่งผลให้มือถือกระตุกจนหงุดหงิดได้
- ความจุ: 64GB ถือเป็นขั้นต่ำสุดที่เราแนะนำสำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน และควรเลือกขนาดความจุให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น หากรู้ตัวว่าถ่ายรูปเยอะ ควรเลือกความจุ 256GB ขึ้นไป หรือถ้าเอาไว้เล่นเกม ก็ควรมีความจุ 256GB - 512GB ขึ้นไป เพราะหลาย ๆ เกมมีขนาดใหญ่มาก ถ้าลงไว้หลายเกมอาจไม่มีพื้นที่เพียงพอให้การใช้งานอื่น ๆ
- รองรับ 4G/5G: แน่นอนว่า 5G ย่อมดีกว่า 4G อยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่งบจำกัด การเลือกมือถือ 4G ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะถ้าสัญญาณไม่ดร็อป 4G ก็เร็วพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว และหากเทียบกัน มือถือ 4G มักจะมีสเปกที่ดีกว่ามือถือ 5G ที่มีราคาเท่ากัน หรือในซีรีส์เดียวกัน ส่วนใครที่เล่นเกมก็ไม่ต้องกังวล เพราะการเล่นเกมไม่ได้ต้องการความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่สูงขนาดนั้น แต่สำคัญที่ความเสถียรของสัญญาณมากกว่า นอกจากนี้ หากเล่นมือถือในบ้านเป็นส่วนใหญ่ก็มักจะต่อ Wi-Fi กันอยู่แล้ว มือถือ 4G จึงยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ครับ
- Wi-Fi: จุดนี้อาจไม่ได้สำคัญมาก เพราะสมาร์ทโฟนทุกเครื่องต่อ Wi-Fi ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ควรเลือกมือถือที่รองรับ Wi-Fi 2.4GHz และ 5.0GHz เพื่อให้ครอบคลุมที่สุด
4. แบตเตอรี่และระบบชาร์จไว
- มาตรฐานความจุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันคือ 5,000 mAh ไม่ควรเลือกรุ่นที่มีความจุต่ำกว่านี้ โดยเฉพาะพักหลัง ๆ ที่แบรนด์จีนเริ่มเปิดตัวมือถือที่ใช้แบตเตอรี่ซิลิคอนที่มีความจุ 6,000 mAh ขึ้นไป
- ระบบชาร์จไว ควรอยู่ที่ 25W ขึ้นไป
5. หน้าจอ – ความสว่าง – รีเฟรชเรต
นอกจากขนาดหน้าจอแล้ว อาจพิจารณาคุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น:
- หน้าจอ OLED / AMOLED จะให้สีสันที่สดกว่าจอ IPS LCD ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเลือกรุ่นที่ใช้จอ TFT
- ความสว่างสูงสุดควรเกิน 1,000 nits โดยเฉพาะหากใช้งานกลางแจ้งบ่อย
- ความละเอียดควรเป็น FHD+
- ขอบโค้ง หรือจอแบน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
6. คุณสมบัติเสริมอื่น ๆ
- กันน้ำกันฝุ่น: IP68 จะดีกว่า IP54 แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีมือถือรุ่นไหนที่กันน้ำ 100% และไม่มีแบรนด์ไหนรับประกันกรณีน้ำเข้าเครื่อง แค่ฝนสาด น้ำกระเซ็น กาแฟหกใส่ อาจไม่มีปัญหา แต่ไม่ควรโดนอะไรหนักไปกว่านี้ แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงน้ำไว้ก่อนดีกว่า
- ลำโพงสเตอริโอ: ให้เสียงที่ดีกว่าลำโพงโมโนแน่นอน
- ฟีเจอร์พิเศษ: เช่น IR Blaster, NFC, Wi-Fi Direct เหมาะกับผู้ที่ชอบใช้งานอุปกรณ์เสริม
- การอัปเดตซอฟต์แวร์: หากต้องการใช้งานนาน ๆ ควรเลือกยี่ห้อที่มีการการันตีอัปเดตซอฟต์แวร์ 4-5 ปีขึ้นไปเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนลอยแพ โดยยี่ห้อที่อัปเดตนานที่สุดในตอนนี้คือ Samsung แต่ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นของมือถือด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว "มือถือที่ดีที่สุด" ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นที่แรงที่สุด หรือแพงที่สุดเสมอไป แต่คือรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุด ซึ่งเราก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้การเลือกซื้อมือถือครั้งต่อไปของเพื่อน ๆ ง่ายขึ้น และไม่ต้องปวดหัวกับสเปกหรือฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้จริงครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 19/5/2568
