หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 21/10/2565

ส่องสเปกสองมือถือเรือธงรุ่นล่าสุด Samsung Galaxy Z Flip4 vs iPhone 14 รุ่นไหน เหมาะกับใคร ? มาดูกัน !

 

สมาร์ทโฟนจอพับสไตล์ฝาพับ หรือ Clamshell เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไลน์ผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย พร้อมคุณสมบัติภายในตัวเครื่องที่แรงครอบคลุมทุกการใช้งาน ซึ่งหนึ่งในมือถือจอพับสไตล์ฝาพับที่กำลังได้รับความนิยมก็คือ Samsung Galaxy Z Flip4 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 35,900 บาท

ซึ่งในตอนนี้หลายท่านอาจกำลังเลในการตัดสินใจเลือกซื้อระหว่าง Samsung Galaxy Z Flip4 และ iPhone 14 ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานด้วยราคาเริ่มต้น 32,900 บาท เนื่องจากสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีช่วงราคาวางจำหน่ายที่ใกล้เคียงกัน และเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาได้ไม่นาน แถมคุณสมบัติภายในก็คือว่าอยู่ในระดับท็อปเหมือนกันทั้งคู่ โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมีจุดเด่น และความแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น วันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้ทำบทความเปรียบเทียบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้แก่ทุกท่าน หากพร้อมแล้ว ไปรับชมกันได้เลยครับ

 

เปรียบเทียบดีไซน์ และหน้าจอ

Samsung Galaxy Z Flip4 ได้รับการออกแบบหน้าจอให้แสดงผลเต็มรูปแบบด้วยหน้าจอ Dynamic AMOLED 2x 24-bit ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ บนดีไซน์ตัวเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัด ด้วยดีไซน์หน้าจอแบบพับได้ในสไตล์ฝาพับ ซึ่งเมื่อพับหน้าจอแล้ว ตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือของผู้ใช้ แถมตัวเครื่องที่บาง 6.9 มิลลิเมตร (เมื่อกางจอออก) และมีน้ำตัวเครื่องเบาเพียง 187 กรัมแม้จะเป็นมือถือจอพับได้ที่มีกลไกบานพับติดตั้งเอาไว้ ทำให้ Galaxy Z Flip4 มีจุดเด่นด้านการพกพาที่ง่าย และสะดวก เพียงพับตัวเครื่องก็สามารถสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือใบเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดาย

 

นอกจากหน้าจอด้านในขนาดใหญ่ Galaxy Z Flip4 ยังมีจุดเด่นที่หน้าจอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) ขนาด 1.9 นิ้ว ที่เรียกได้ว่าเพิ่มความสามารถด้านการใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ใช้สามารถกดรับสายสนทนา, เช็ก และตอบข้อความได้ทันทีจากจอนอกโดยที่ไม่จำเป็นต้องกางจอออก รวมทั้งสามารถตกแต่งวิดเจ็ตของจอด้านนอกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารูปแบบการใช้งานบนหน้าจอของ Galaxy Z Flip4 ค่อนข้างจะหลากหลายมากพอสมควร

นอกจากหน้าจอที่พับได้แล้ว Samsung ยังเลือกใช้งานกระจกหน้าจอแบบ Ultra Thin Glass ที่มีความยืดหยุ่น และทนทาน สามารถทนต่อการพับได้มากกว่า 200,000 ครั้ง ไปจนถึงบอดี้ที่ได้รับการปก้องโดยกระจกสุดแกร่งอย่าง Corning Gorilla Glass Victus+ ส่วนบานพับได้รับการปกป้องด้วยเฟรมอะลูมิเนียม Armor Aluminum ที่มีความแข็งแกร่งทนทาน พร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX8 กันน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสูงสุด 30 นาที

 

ทางด้าน iPhone 14 แม้ว่าจะยังคงใช้ดีไซน์หน้าจอรอยบากอย่างที่คุ้นเคยบนขนาด 6.1 นิ้ว แต่ก็โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Super Retina XDR ที่มีจุดเด่นด้านการแสดงผลที่สวยสดใส แสดงสีสันได้อย่างงแม่นยำ และสมจริง พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของกระจกหน้าจอด้วยกระจก Ceramic Shield ที่มีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกระจกหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป

 

ด้านดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone 14 ถูกออกแบบมาให้มีขนาดพอดีมือด้วยความบางของตัวเครื่องราว 7.8 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัวเครื่องประมาณ 172 กรัม โดยใช้บอดี้แบบกระจกผสานกับเฟรมโลหะ พร้อมคุณสมบัติกันน้ำระดับ IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 6 เมตร เป็นระยะเวลานานสูงสุด 30 วินาที

 

เปรียบเทียบสเปก และคุณสมบัติกล้องถ่ายภาพ

Samsung Galaxy Z Flip4 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 และกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ให้มาที่ควมละเอียด 10 ล้านพิกเซล

 

ด้วยการที่ Galaxy Z Flip4 สามารถพับหน้าจอได้ จึงทำให้เกิดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการถ่ายภาพในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่น ฟีเจอร์ Quick Shot ที่สามารถกดถ่ายรูป หรือวิดีโอด้วยกล้องหลังเพียงแตะที่หน้าจอด้านนอก (Cover Screen) ซึ่งผู้ใช้สามารถมองเห็นตัวเองได้จากหน้าจอด้านหลังได้ด้วย ทำให้ตรวจสอบเฟรม หรือองค์ประกอบในภาพถ่ายได้อย่างสะดวก

 

หรือจะเป็นฟีเจอร์ FlexCam ที่ผู้ใช้สามารถกางหน้าจอออกมาครึ่งหนึ่ง เพื่อให้วางมือถือบนพื้นได้ แถมยังปรับองศาของมุมกล้องตามองศาการพับได้อย่างอิสระ ทำให้การถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม, การถ่ายภาพเซลฟี่ตัวเอง, การถ่ายคอนเทนต์วิดีโอ หรือการวิดีโอคอลเพื่อประชุมงาน เป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Dual Preview ที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพตัวเองขณะถูกถ่ายได้จากจอด้านนอก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดท่าทางการโพสได้สะดวกนั่นเอง

 

ทางด้าน iPhone 14 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่แบบกล้องเลนส์มุมกว้าง และกล้องมุมกว้างพิเศษ พร้อมความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งคู่ แต่จะมีจุดที่ดูได้เปรียบกว่า Galaxy Z Flip4 อยู่เล็กน้อยที่ค่ารูรับแสงของกล้องตัวหลักที่กว้างกว่าที่ f/1.5 ทำให้รับแสงได้ดีขึ้น ส่งผลให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่มาพร้อมกับระบบกล้องแบบ TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีระบบออโต้โฟกัสแบบ Focus Pixels ทำให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างคมชัด และถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังละลายได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

ด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพของ iPhone 14 ก็ถือว่าครบเครื่องไม่แพ้กัน โดยมพาร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Action Mode โหมดกันสั่นขณะถ่ายวิดีโอ ที่จะช่วยให้วิดีโอของผู้ใช้มีความนิ่งมากยิ่งขึ้นคล้ายกับกล้อง Action Camera ไปจนถึง Cinematic Mode สำหรับถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมสลับจุดโฟกัสได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพวิดีโอของผู้ใช้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังสามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่เฟรมเรท 24FPS ซึ่งเป็นเฟรมเรทแบบเดียวกันกับที่สามารถเห็นได้ตามภาพยนตร์

 

เปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน

Samsung Galaxy Z Flip4 มาพร้อมกับสเปกระดับเรือธงด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen 1 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปสุดจากค่าย Qualcomm ในตอนนี้ โดยมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดระดับ 3.19 GHz ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร และโครงสร้าง CPU แบบ 8 แกนประมวลผล โดยจะทำงานคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายนความจุ 128GB / 256GB / 512GB

ส่วนทางด้าน iPhone 14 มาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธงระดับ 5 นาโนเมตรกับรุ่น Apple A15 Bionic ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดระดับ 3.23 GHz ใช้โครงสร้าง CPU แบบ 6 แกนประมวลผล พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB / 256GB / 512GB

 

เปรียบเทียบแบตเตอรี่

ทางด้านแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Z Flip4 มาพร้อมกับขนาด 3700mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วระดับ 25W พร้อมรองรับการชาร์จไร้สายระดับ 15W และฟีเจอร์ Wireless Power Sharing สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น มือถือ หูฟัง หรือนาฬิกา เป็นต้น

ส่วนทางด้าน iPhone 14 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3279mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วผ่านอแดปเตอร์ 20W พร้อรองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe สุงสุด 15W ในส่วนของฟังก์ชันการแชร์แบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สาย หรือ Reverses Charging ทางด้าน iPhone 14 จะรองรับกับอุปกรณ์บางประเภทของ Ecosystem ตนเอง ยกตัวอย่างเช่น MagSafe Battery Pack แต่ผู้ใช้ไม่สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Reverse Charging เพื่อชาร์จอุปกรณ์อื่นด้วยตนเองได้

ทางด้านระยะเวลาการใช้งาน Samsung Galaxy Z Flip4 ทาง Samsung ระบุว่า Galaxy Z Flip4 สามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 19 ชั่วโมง, เล่นอินเทอร์เน็ตผ่าน LTE ได้นานสูงสุด 16 ชั่วโมง และเล่นเสียงได้นานสูงสุด 56 ชั่วโมง

ขณะที่ Apple ระบุว่า iPhone 14 สามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง และเล่นเสียงได้นานสูงสุด 80 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่แสดงเป็นการระบุจากผู้ผลิตโดยอ้างอิงจากการทดสอบภายใน ซึ่งต้องรอผลทดสอบด้านการใช้งานจริงอีกครั้ง

 

คุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ในส่วนของคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจของรุ่นนี้ก็เรียกได้ว่ามีจุดเด่นกันไปคนละด้าน โดย Samsung Galaxy Z Flip4 จะโดดเด่นในเรื่องของสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่สามารถแลกรับส่วนลด ดีลพิศษจากร้านค้า และบริการต่าง ๆ ผ่าน Galaxy Gift ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ โดยสามารถใช้งานได้ผ่าน Samsung Members ซึ่งในขณะนี้มีพาร์ทเนอร์กว่า 70 ราย และจะเพิ่มเป็น 100 รายในเร็ว ๆ นี้

ส่วนทางด้าน iPhone 14 ก้มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เน้นไปในด้านความปลอดภัยของผู้ใช้อย่างเช่น Crash Detection ที่สามารถตรวจสอบได้ถึงอุบัติเหตุรถชนผ่านการตรวจสอบทิศทาง การเคลื่อนไหว และระดับเสียงผ่านไมโครโฟน พร้อมกับแจ้งเตือนอุบัติเหตุให้กับเบอร์ฉุกเฉินทันที

 

 

รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง ?

จะเห็นได้ว่าทั้ง Samsung Galaxy Z Flip4 และ iPhone 14 ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยหากใครที่ต้องการมือถือที่พกพาง่าย ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  และต้องการมือถือสำหรับการถ่ายภาพ ทำคอนเทนต์ที่คล่องตัว Samsung Galaxy Z Flip4 ดูจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์กว่า ด้วยหน้าจอแสดงผลที่สามารถพับได้ ทำให้พกพาได้ง่าย แถมยังสามารถกางตัวเครื่องออกเพื่อวางมือถือบนพื้นแทนขาตั้งได้ รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกสถานการณ์ เช่น Quick Shot สำหรับถ่ายภาพตัวเองได้จากกล้องหลังโดยใช้ประโยชน์จากหน้าจอด้านหลัง หรือจะเป็น Dual Preview ที่ช่วยให้เราจัดท่าทางการโพสได้ง่ายขึ้น 

ด้าน iPhone 14 เป็นมือถือที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมือถือเรือธงที่มีสเปกครบเครื่องทุกการใช้งาน หรือผู้ที่อยู่ในระบบ Ecosystem ของ Apple อยู่แล้ว รวมถึงผู้ที่ต้องการอัปเกรดจาก iPhone รุ่นเก่ามาเป็น iPhone รุ่นใหม่ และผู้ที่ต้องการทดลองใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS เป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอโฟนที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี การเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนด้านต้นก็เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้แก่ทุกท่านเท่านั้น โดยสมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะดีกว่ากันนั้นคงไม่สามารถตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคล และไลฟ์สไตล์การใช้งานด้วย หากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนทดลองใช้งานแล้วถูกใจ ก็ถือว่าน่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ


วันที่ : 21/10/2565

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy