เทียบสเปก Samsung Galaxy S21 series กับ Galaxy S20 series ดีกว่าเดิมอย่างไร คุ้มไหมที่จะอัปเกรด?
Samsung Galaxy S21 series ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหลายด้าน ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก ไปจนถึงสเปกภายใน และฟีเจอร์พิเศษปลีกย่อยอื่นๆ แน่นอนว่าหลายคนที่รอคอยเรือธงรุ่นใหม่กันอยู่คงอยากจะทราบว่า Galaxy S21 รุ่นใหม่นี้ มีความเปลี่ยนแปลงจาก Galaxy S20 เดิมอย่างไร และคุ้มค่าหรือไม่ที่จะอัปเกรด ในวันนี้เราจึงนำ Samsung Galaxy S21 series และ Samsung Galaxy S20 series ทุกรุ่นมาเปรียบเทียบให้ดูกันชัดๆ ในบทความนี้ครับ
เปรียบเทียบสเปก
Samsung Galaxy S21 vs Samsung Galaxy S20
Samsung Galaxy S21+ vs Samsung Galaxy S20+
Samsung Galaxy S21 Ultra vs Samsung Galaxy S20 Ultra
ความเหมือน-ความต่างของ Galaxy S21 กับ S20
จากตารางข้างต้นเราจะเห็นว่า Samsung Galaxy S21 และ S21+ มีการอัปเกรดจากรุ่นก่อนไม่มากนัก นอกจากฟีเจอร์ใหม่ๆ บางอย่าง และการรองรับ Ultra Wideband ใน Galaxy S21+ จุดแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นชิปเซ็ต Exynos 2100 ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Exynos 990 อย่างชัดเจน
Exynos 2100 เป็นชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร โดยครั้งนี้ Samsung ได้เปลี่ยนจากหน่วยประมวลผล Mongoose ที่ใช้มาตลอด 5 ปี มาใช้ Cortex-X1 ที่มีความเร็วสูงสุด 2.9GHz แทน พร้อมด้วย Cortex-A78 จำนวน 3 แกน และ Cortex-A55 จำนวน 4 แกน สามารถทำงานแบบ multi-core ได้เร็วขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ต Exynos 990 ในส่วนของการประมวลผลกราฟิก Exynos 2100 เลือกใช้ GPU ระดับไฮเอนด์อย่าง Arm Mali-G78 MP14 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 40%
หน่วยประมวลผลภาพ (ISP) ของ Exynos 2100 มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทีเดียว โดยสามารถรองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล โดยรองรับกล้องได้มากถึง 6 ตัว และสามารถประมวลผลภาพจากกล้องได้พร้อมกัน 4 ตัว (Snapdragon 888 ทำได้พร้อมกัน 3 กล้อง) พร้อมกันนี้ ยังสามารถรวมข้อมูลรูปถ่ายจากกล้องหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มคุณภาพระหว่างซูม และภาพแบบ ultra wide ซึ่งหมายความว่า Samsung Galaxy S21 ทุกรุ่น (โดยเฉพาะ S21 Ultra) จะสามารถถ่ายรูปออกมาได้ดีกว่าตระกูล Galaxy S20 และรักษาคุณภาพของรูปถ่ายเมื่อซูมได้ดีกว่า จากพลังการประมวลผลของชิปเซ็ต Exynos 2100 แต่จะดีขึ้นมากแค่ไหน จำเป็นต้องดูจากรูปถ่ายจริงกันอีกครั้ง
สำหรับรุ่นท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra และ Galaxy S20 Ultra มีความแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะกล้องที่มีเลนส์ Telephoto ถึง 2 ตัว ทำให้ซูมได้คมชัดยิ่งขึ้น รวมถึงลูกเล่นใหม่ต่างๆ ก็ยังช่วยให้การถ่ายรูปมีอิสระมากขึ้น แต่ในแง่ของการใช้งานจริง การซูมในระยะที่ไกลมากๆ ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ เพราะรูปถ่ายจะสูญเสียความคมชัดจนไม่เหมาะจะนำไปใช้งาน หากตัดเรื่องการซูมออกไป ก็ต้องวัดกันที่คุณภาพของรูปถ่าย ซึ่งดูจากชิปประมวลผล และซอฟต์แวร์ที่ฉลาดขึ้นแล้ว Galaxy S21 Ultra ทำได้ดีกว่า S20 Ultra แน่นอน แต่คาดว่าไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Galaxy S21 Ultra คือการรองรับปากกา S Pen (แต่ต้องซื้อแยก) อย่างไรก็ตาม ปากกาของ S21 Ultra ทำได้แค่ขีดเขียนเท่านั้น ไม่รองรับ Air Gesture หรือฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ เหมือนปากกาของ Galaxy Note20 เนื่องจากไม่มีแบตเตอรี่และไม่มี bluetooth ในตัว อีกทั้งยังมีราคาแพง (ประมาณ 1,200 บาท) ดังนั้นใครที่ต้องการใช้ฟังก์ชันของปากกาแบบตระกูล Note เต็มๆ เราแนะนำว่าควรจะซื้อ Galaxy Note20 มาใช้ดีกว่า หรือถ้าอยากได้ S21 Ultra จริงๆ ในอนาคตจะมีการวางจำหน่าย S Pen Pro ที่มีฟังก์ชันเทียบเท่ากับปากกาของตระกูล Note ในราคาประมาณ 2,000 บาท แต่ยังไม่ทราบว่าจะวางขายเมื่อไหร่
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลที่ปรากฎล่าสุด Samsung Galaxy S21 Ultra รองรับระบบชาร์จไว 25W ต่างจาก S20 Ultra ที่รับได้ 45W ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่รุ่นก่อนกลับทำได้ดีกว่า ทั้งนี้เราจะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อีกครั้ง และจะรายงานให้ทราบในเร็วๆ นี้ครับ
สรุป
โดยรวมแล้ว Samsung Galaxy S21 และ S21+ ยังมีสเปกที่ใกล้เคียงกับรุ่นที่แล้วในเชิงฮาร์ดแวร์ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการรองรับ 5G และชิปเซ็ตที่แรงกว่าเดิม แต่ในแง่ของการใช้งานจริง เชื่อว่าความแตกต่างตรงจุดนี้ไม่น่าจะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานมากนัก ถ้าไม่ได้ต้องการใช้ 5G จริงๆ ผู้ที่ใช้ Samsung Galaxy S20 หรือ S20+ ก็ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดครับ
สำหรับคนที่ต้องการอัปเกรดจริงๆ Samsung Galaxy S21 Ultra เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่ารุ่นอื่นๆ เพราะมีสเปกที่ต่างจาก S21 และ S21+ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของกล้องหลังที่เรียกได้ว่าดีที่สุดแล้วของ Samsung ในตอนนี้ ส่วนการรองรับปากกา S Pen อาจจะยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะตัวปากกายังขาดฟังก์ชันหลายอย่างเมื่อเทียบกับปากกาของตระกูล Note อย่างไรก็ดี หากใครที่ใช้ Galaxy S20 Ultra อยู่แล้ว การอัปเกรดมาเป็น Galaxy S21 Ultra อาจไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง และประสิทธิภาพของ Galaxy S20 Ultra ก็ยังถือว่าแรงอยู่ และเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือใครที่คิดจะอัปเกรดเพื่อใช้ S Pen อย่างเดียวก็ยังไม่แนะนำอยู่ดีครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอย้ำกันอีกครั้งว่า การเปรียบเทียบคุณสมบัติข้างต้นเป็นเพียงการเปรียบเทียบจากข้อมูลในสเปกชีตเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างจำเป็นต้องพิจารณาจากการใช้งานจริง เช่นความเสถียร, ความร้อน และคุณภาพของรูปถ่าย เป็นต้น เราจึงแนะนำว่าควรทดลองจับเครื่องจริงที่หน้าร้านด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนที่ถูกใจจริงๆ สำหรับรายละเอียดการใช้งานในเชิงลึกของ Samsung Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่น สามารถติดตามได้ในบทความรีวิวเร็วๆ นี้ครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 14/1/2564