รวมมือถือ realme 2022 ราคาไทย ครบทั้งจอใหญ่ แบตเยอะ กล้องสวย มีรุ่นไหนบ้าง มาดูกัน
realme ถือเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยสเปกครบครัน กับราคาที่สมเหตุสมผล ตั้งแต่ราคาหลักพันต้นๆ ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ อีกทั้งยังมีตัวเลือกหลากหลาย ในวันนี้ทางทีมงานจึงมารวบรวมรายชื่อมือถือ realme 2022 รุ่นใหม่ พร้อมอัปเดตราคาล่าสุด ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในปัจจุบันให้ได้ชมกัน โดยจะมีรุ่นใดบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่ะ
มากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 680 รุ่นใหม่ (6nm) จับคู่กับ RAM 6GB + เทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion (DRE) เพิ่ม RAM เสมือนได้สูงสุดอีก 5GB รวมเป็น 11GB พร้อมด้วย ROM 128GB มีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dart Charge 33W และกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP + กล้อง Portrait B&W 2MP + กล้อง Macro 2MP ผสานกล้องหน้า 16MP บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องขนาด 6.6 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ (2412x1080 พิกเซล) รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz รวมถึงลำโพง Stereo แบบคู่ รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
มือถือ C Series รุ่นน้องใหม่ที่ยกเครื่องการดีไซน์ใหม่หมดแบบ Dynamic Glowing Design ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 50MP (f1.8) + กล้อง Macro 2MP (f2.4) + กล้อง B&W 2MP (f2.8) และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างตัวเครื่อง พร้อมหน้าจอไร้ขอบแบบ Full Screen ขนาด 6.6 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ มีกล้องหน้า AI 8MP (f2.0) ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Unisoc T616 จับคู่กับ RAM 4GB + ROM ขนาด 64GB / 128GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Fast Charging ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI
- รุ่น 4GB+64GB : 5,799 บาท
- รุ่น 4GB+128GB : 6,299 บาท
realme narzo 50 : เริ่ม 5,999 บาท
มือถือ narzo Series รุ่นน้องใหม่ชูโรงที่ชิปเซ็ต 4G ตัวแรงจากซีรีส์เกมมิ่งอย่าง MediaTek Helio G96 จับคู่กับ RAM ขนาดสูงสุด 6GB รองรับเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion (DRE) ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนได้อึกสูงสุด 5GB พร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาดสูงสุด 128GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Dart Charge ด้านการถ่ายภาพมากับกล้องหลัง AI 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP + กล้อง B&W 2MP + กล้อง Macro 2MP โดยมีหน้าจอแสดงผลแบบ Ultra Smooth Display 120Hz ขนาด 6.6 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
- รุ่น 4GB+64GB : 5,999 บาท
- รุ่น 6GB+128GB : 6,999 บาท
realme narzo 50A Prime : เริ่ม 4,999 บาท
รุ่นเล็กน้องใหม่มากับจุดเด่นอย่าง หน้าจอ FHD+ Fullscreen ขนาด 6.6 นิ้ว พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh บนตัวเครื่องบาง 8.1 มิลลิเมตร รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 18W และประมวลผลด้วชิปเซ็ต Unisoc T612 รุ่นใหม่ จับคู่กับ RAM 4GB + ROM ขนาดสูงสุด 128GB รวมถึงชุดกล้องหลัง AI 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP + กล้อง B&W 2MP + กล้อง Macro 2MP พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
- รุ่น 4GB+64GB : 4,999 บาท
- รุ่น 4GB+128GB : 5,799 บาท
ปิดท้ายกันที่รุ่นเล็กสเปกครบจากตระกูล narzo ใหม่ล่าสุด ที่ชูโรงที่แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุด โดยทาง realme ระบุว่าสามารถ stand by ได้นานสูงสุด 43 วัน พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ HD+ และประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Unisoc SC9863A จับคู่ RAM 4GB + ROM 64GB รองรับ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB รวมถึงกล้องหลัง AI 8MP ผสานกล้องหน้า AI 5MP บนตัวเครื่องดีไซน์ใหม่หมดจดแบบ Diagonal Stripe Design ที่เป็นเส้นริ้วแนวทแยง ตัดกับผิวเรียบที่ด้านบน บนตัวเครื่องขนาด 8.9 มิลลิเมตร ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
ล่าสุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วสำหรับ realme 9 Pro Series มือถือ 5G รุ่นใหม่พร้อมกันสองรุ่น ได้แก่ realme 9 Pro 5G และ realme 9 Pro+ 5G ที่มาพร้อมสโลแกน “Capture The Light” ชูโรงด้านการถ่ายภาพเวลากลางคืน ด้วยกล้องเรือธงบนมือถือระดับกลางครั้งแรกของวงการ กับราคาไทยเริ่มที่ 8,999 บาท
realme 9 Pro Series มาในดีไซน์โฉมใหม่แบบเดียวกัน ด้วยหน้าจอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Punch-Hole พร้อมฝาหลังเงางามแบบใหม่ล่าสุดในชื่อ Light Shift Design ที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแสงแดด (เฉพาะตัวเลือกสีฟ้า Sunrise Blue) รวมถึงการจัดเรียงกล้องหลัง 3 ตัวแบบใหม่ โดยรุ่น realme 9 Pro 5G จะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง รวมถึงประทับความละเอียดกล้องหลักที่ 64MP ไว้ ส่วนรุ่น realme 9 Pro+ 5G มาเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ พร้อมระบุความละเอียดกล้องหลังที่ 50MP พร้อม OIS ไว้อย่างชัดเจน
realme 9 Pro 5G : เริ่ม 8,999 บาท
มาพร้อมชิปเซ็ต 5G รุ่นใหม่อย่าง Qualcomm Snapdragon 695 5G ระดับ 6nm จับคู่กับ RAM ขนาดสูงสุด 8GB + เทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนได้อีก 5GB โดยจะมี RAM สูงสุดถึง 13GB พร้อม ROM มาตรฐาน UFS 2.2 ขนาด 128GB พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Dart Charge บนดีไซน์จอไร้ขอบแบบ 120Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.6 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ ที่รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ส่วนที่ด้านหลังติดตั้งกล้อง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 64MP + กล้อง Super Wide 8MP + กล้อง Macro 2MP โดยเน้นการถ่ายภาพเวลากลางคืน / ที่แสงน้อย ด้วยโหมด Super Nightscape ที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของภาพให้ต่างออกไปด้วย Nightscape filter ไปจนถึงการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ในเวลากลางคืนด้วยฟีเจอร์ Dynamic Bokeh และ Neon Portrait ไปจนถึงการบันทึกวิดีโอเวลากลางคืนได้อย่างคมชัดในโหมด AI Nightscape นอกจากนี้ยังมากับ Street Photography 2.0 โหมดถ่ายภาพแนวสตรีทที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่อีกด้วย
- รุ่น 6GB+128GB : 8,999 บาท
- รุ่น 8GB+128GB : 9,999 บาท
realme 9 Pro+ 5G : 12,999 บาท
จัดเต็มด้วยกล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ใหม่อย่าง Sony IMX766 พร้อมกล้อง Super Wide 8MP และกล้อง Macro 2MP โดยมีฟังก์ชันการถ่ายภาพจัดเต็มเทียบชั้นกล้องโปร ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 920 5G ระดับ 6nm จับคู่กับ RAM ขนาด 8GB + เทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนได้อีก 5GB โดยจะมี RAM สูงสุดถึง 13GB โดยมี ROM มาตรฐาน UFS 2.2 ขนาด 256GB พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge (มีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge แถมมาให้ในแพ็กเกจ) และมีมอเตอร์แบบ X-axis Linear รวมถึงลำโพง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos นอกจากนี้ยังมีหน้าจอไร้ขอบแบบ 90Hz Super AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 5 และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
realme GT Neo2 5G : 13,990 บาท
โดดเด่นที่ตัวเครื่องสีเขียว Neon Green มากับขุมพลังชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 รองรับ 5G + Wi-Fi6 พร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใหม่ล่าสุด กับโครงสร้าง 8-layer กระจายความร้อน 3 ด้าน จึงช่วยลดความร้อนตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ทำงานร่วมกับ RAM ขนาด 8B และ ROM มาตรฐาน UFS 3.1 ขนาด 128GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge พร้อมกับหน้าจอแสดงผล E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz และติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP
เรือธงรุ่นพรีเมียมที่สุดจาก realme ภายใต้สโลแกน “ยอดเยี่ยมกว่าที่ตาเห็น” ครั้งแรกของโลกกับหน้าจอ AMOLED พร้อมเทคโนโลยี LTPO 2.0 บนการดีไซน์ฝาหลังพรีเมียมด้วย Texture คล้ายกระดาษ จากการใช้วัสดุแบบ Bio-Base polymer หรือโพลิเมอร์ชีวภาพที่ร่วมออกแบบกับ Naoto Fukasawa นักออกแบบชื่อดัง รวมถึงแพ็กเกจที่มาในคอนเซ็ปต์ Paper Tech Master Design ที่ช่วยลดการใช้พลาสติกให้น้อยลง
ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen1 รองรับระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling ขนาดใหญ่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ทำงานร่วมกับ RAM ขนาด 12GB + เทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนจาก ROM ได้สูงสุด 7GB พร้อมกับ ROM ขนาด 256GB และแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 รวมถึงจัดเต็มด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องเซนเซอร์เรือธง Sony IMX766 รองรับระบบกันสั่น OIS + EIS และครั้งแรกของโลกกับเลนส์ Ultra-Wide มุมกว้างสุด 150 องศา พร้อมถ่าย Fish-eye ได้ครั้งแรกบนมือถือ รวมถึงเลนส์ Ultra-macro ที่สามารถซูมใกล้ได้ถึง 40 เท่า
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 7/04/2565
