ย้อนรอยวิวัฒนาการมือถือ OPPO ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นใหม่ล่าสุดส่งท้ายปี 2020 บอกเลยว่ามาไกลมาก!
เมื่อไม่นานมานี้ OPPO ได้ส่งท้ายปี 2020 แบบสวยๆ ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน OPPO X 2021 ที่มีหน้าจอยืดขยายได้รุ่นแรกของโลก เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งวงการ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ OPPO ก็ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย และต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตลอดทศวรรษที่ผ่านมา สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนอดีตไปดูการเดินทางของมือถือ OPPO ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 2008 จนถึงปัจจุบัน ว่ามีวิวัฒนาการอย่างไรบ้างครับ
2008
OPPO A103
ปี 2008 OPPO ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกออกมาในชื่อ OPPO A103 จุดเด่นของโทรศัพท์รุ่นนี้ที่ใครเห็นก็จำได้ไม่ลืมแน่นอนคือรูปหน้ายิ้มด้านหลังตัวเครื่อง โดยดวงตาก็คือกล้องถ่ายรูปกับไฟแฟลชนั่นเอง
2009
OPPO P51
ในปี 2009 OPPO ได้เปิดตัว OPPO P51 โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูเคร่งขรึมจริงจังมากขึ้น ด้วยการจับคู่สี ดำ-เขียว และขาว-แดง ดีไซน์โดยรวมให้อารมณ์ที่คล้ายกับมือถือของ Sony Ericsson ในขณะนั้น
OPPO T9
ต่อมาในปีเดียวกัน OPPO ก็ได้ส่ง OPPO T9 ออกมาสมทบ โดยคราวนี้เปลี่ยนจากมือถือปุ่มกดไปเป็นมือถือจอทัชสกรีนเต็มตัว และมีดีไซน์ที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น ส่วนกล้องถ่ายรูปมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยในสมัยนั้น
2010
OPPO U529
OPPO U529 คือมือถือฝาพับดีไซน์เฉียบที่มีดีไซน์สดใสโดนใจวัยรุ่นทั้งหญิงและชาย เคยเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยในชื่อ LOMO ME โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมลูกเล่นแต่งรูปเก๋ๆ ให้เลือกใช้หลายแบบ ให้รูปถ่ายดูมีสไตล์พร้อมอวดเพื่อนทุกที่ทุกเวลา
2011
OPPO Find X903
OPPO Find X903 คือมือถือตระกูล Find Series รุ่นแรก และเป็นเสมือนใบเบิกทางไปสู่การทำตลาดสมาร์ทโฟนของ OPPO มือถือรุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คีย์บอร์ดแบบ QWERTY ที่สไลด์ออกมาด้านข้างได้ และกล้องความละเอียด 4 ล้านพิกเซล แถมยังเล่นใหญ่ด้วยการดึงดาราฮอลลีวู้ดแถวหน้าอย่าง Leonardo DiCaprio มาเล่นโฆษณาให้อีกด้วย นับว่าเป็นก้าวแรกของ Find Series ที่งดงามทีเดียวครับ
2012
OPPO Finder
หลังจากเปิดตัว Find X903 ไปหนึ่งปี OPPO ก็ได้ส่ง Finder เข้าแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัว โดยมีจุดเด่นที่ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.65 มม. ซึ่งถือว่าบางมากๆ ในยุคนั้น จนได้ตำแหน่งมือถือบางที่สุดในโลกไปครอง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังขึ้นโครงด้วยโลหะแบบสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตมีดพับสวิส (Swiss Army Knife) พร้อมด้วย Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล นับเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองในขณะนั้น
OPPO Ulike2
OPPO Ulike2 เคยทำตลาดในประเทศไทยในชื่อ OPPO Find Way เป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยเน้นไปที่จุดเด่นด้านการเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Beauty Plus 2.0 ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้สวยได้ทันทีแบบไม่ต้องโบ๊ะ เรียกได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกของสมาร์ทโฟนเซลฟีเลยก็ว่าได้
OPPO Find 5
ถัดมาในปี 2013 OPPO ได้ส่งมือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่ออกมาอีกชื่อ OPPO Find 5 ซึ่งมาพร้อมกับจุดเด่นด้านจอแสดงผลที่มีความละเอียดคมชัดระดับ Full HD 1080p ต่างจากสมาร์ทโฟนส่วนมากในยุคนั้นที่มักจะมาจะเป็นจอ HD 720p นอกจากนี้ OPPO Find 5 ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับกระจกหน้าจอที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบ OGS ซึ่งช่วยให้หน้าจอบางลง และโปร่งแสงยิ่งขึ้น ทำให้แสดงสีสันได้สดใสกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่เลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Stacked CMOS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ทำให้สามารถถ่ายภาพวิดีโอแบบ Slow Motion ได้ที่ระดับ 120 เฟรมต่อวินาที (120fps) และยังสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ 5 ภาพต่อวินาที อีกทั้งยังมีการฝังฮาร์ดแวร์ช่วยถ่ายภาพในโหมด HDR โดยเฉพาะมาให้ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของวงการที่มาพร้อมกับนวัตกรรมดังกล่าวเลยทีเดียว
2013
OPPO N1
ครั้งแรกของ OPPO กับกล้องหมุนได้ 206 องศา 13 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายได้ทั้งด้าหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังประยุกต์ใช้ถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมต่ำได้ง่ายๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นลูกเล่นที่แปลกใหม่ และสร้างความฮือฮาให้วงการสมาร์ทโฟนอย่างมาก
สำหรับสเปกทั่วไป OPPO N1 มากับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 600 ความเร็ว 1.7 GHz พร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุมากถึง 3,610 mAh โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ ColorOS และยังรองรับระบบสั่งการด้วยท่าทางอีกด้วย
2014
OPPO Find 7
หลังจากประสบความสำเร็จในรุ่น Find 5 ต่อมาในปี 2014 ทาง OPPO ได้เปิดตัว OPPO Find 7 สมาร์ทโฟนเรือธงโฉมใหม่ที่คราวนี้มาพร้อมกับจุดเด่นด้านการแสดงผลด้วยหน้าจอคมชัดระดับ 2K QHD รุ่นแรกของโลก บนดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความโค้งมนรับกับอุ้งมือ โดยมีแผงไฟแจ้งเตือนแบบ Skyline Notification ด้านล่างของหน้าจอ ซึ่งเป็นแสงสีน้ำเงินโค้งเว้าเข้าหาตัวเครื่อง ดูโดดเด่นสวยงามไม่เหมือนใคร ส่วนการถ่ายภาพที่เป็นจุดขายสำคัญนั้น OPPO Find 7 มากับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผลภาพแบบ Pure Image 2.0 โดยมีฟังก์ชันพิเศษ Super Zoom ที่ช่วยให้ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดได้ถึง 50 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว
OPPO N3
OPPO N3 คือสมาร์ทโฟนที่สานต่อตำนานกล้องหมุนของ OPPO N1 โดยคราวนี้เป็นกล้องหมุนความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่หมุนได้ถึง 206 องศา สามารถพลิกแพลงการถ่ายภาพได้หลากหลายรูปแบบแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ ส่วนสเปกทั่วไปก็จัดว่าโดดเด่นเช่นกัน โดยมากับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว ซึ่งมีความละเอียดระดับ Full HD 1080p ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 801 ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 330 GPU, หน่วยความจำภายใน 2+32GB และมาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat
2015
OPPO R7s
OPPO R7s คือสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นของ OPPO ประจำปี 2015 ที่มีบอดี้โหละทรงเพรียวบางดูทะมัดทะแมง และสเปกโดยรวมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกด้าน โดยมากับจอแสดงผลแบบ AMOLED Full HD 1080p, ชิปเซ็ต Snapdragon 615, หน่วยความจำ 4+32GB, กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 3070 mAh ที่รองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge
2016
OPPO R9s
OPPO R9s เปรียบได้กับ OPPO R7s ที่ถูกนำมาขัดเกลาใหม่ให้ดียิ่งกว่าเดิม โดยมาในดีไซน์ที่โค้งมน อ่อนหวานยิ่งขึ้น มีจุดเด่นที่กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ Dual PDAF ที่โฟกัสได้รวดเร็วแม่นยำแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งยังถ่ายวิดีโอ 4K ได้อีกด้วย
2017
OPPO R11s
OPPO R11s คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟน OPPO เข้าสู่ยุคหน้าจอ 18:9 ตัวเครื่องมีจุดเด่นที่กล้องหลังคู่ (Dual-Camera) ความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล และยังรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้าอีกด้วย รวมถึงรอบรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition)
2018
OPPO Find X
นี่คือการกลับมาของสมาร์ทโฟนตระกูล Find หลังจากที่หายไปถึง 4 ปี และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ OPPO กลายเป็นที่จับตามองของวงการสมาร์ทโฟนยุคใหม่ เพราะ OPPO Find X คือสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้ทำตลาดในฐานะสมาร์ทโฟนที่มีจอไร้ขอบ 100% ไม่มีรอยบากใดๆ แถมยังมีเทคโนโลยีกล้องสไลด์ ที่จะเลื่อนขึ้นมาเมื่อต้องการใช้งาน ทำให้ดีไซน์ของ OPPO Find X ดูสวยงาม หมดจด นอกจากนี้ยังอัดสเปกมาให้แบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต
Snapdragon 845, หน่วยความจำภายใน 8+256GB, กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดสูง 25 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 16+20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3730mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ VOOC แต่ด้วยความที่เทคโนโลยีบนตัวเครื่องยังใหม่อยู่มาก จึงมีราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างแพงพอสมควร
2019
OPPO Reno 10x Zoom
หลังจากที่เขย่าวงการด้วย OPPO Find X ไปเพียงปีเดียว OPPO ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ใหม่ Reno ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีกล้องแบบ Periscope ที่ทำให้กล้องมือถือซูมได้ไกลสุดถึง 60 เท่า นำโดย OPPO Reno 10x Zoom สมาร์ทโฟนเรือธง ดีไซน์กล้องเด้ง Rising Camera, จอ AMOLED Panoramic Screen ไร้ขอบหมดจด, เทคโนโลยีสแกนนิ้วบนหน้าจอ, ลำโพงคู่ Dolby Atmos และกล้องหลัง 48+8+13 ล้านพิกเซล วางตลาดในฐานะสมาร์ทโฟนพรีเมียมอย่างเต็มตัว
2020
OPPO Find X2 Pro 5G
OPPO Find X2 Pro 5G คือเรือธงที่ทำให้ OPPO ก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มตัว พร้อมกับสเปกที่รวมทุกความเป็นที่สุดของ OPPO เอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล 3K AMOLED Ultra Vision 120Hz ที่ได้รับการการันตีจาก DisplayMate ในระดับ A+, กล้องโปร Ultra Vision Periscope คะแนนอันดับ 1 DXOMARK, ชิปเซ็ต Snapdragon 865 ตัวท็อปสุดแรง, RAM 12GB+ROM 512GB และแบตเตอรี่ไซส์ใหญ่ ชาร์จไว บนตัวเครื่องเซรามิกกันน้ำ เรียกได้ว่าสุดทุกด้าน สามารถแข่งขันกับเรือธงระดับหัวแถวในตลาดได้สบายๆ
OPPO X 2021
ล่าสุดเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา OPPO ได้จัดอีเวนต์ใหญ่ OPPO INNO DAY 2020 และได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์โฟนสุดล้ำ OPPO X 2021 ที่มากับนวัตกรรมจอยืดได้ โดยสามารถขยายขนาดจากจอ 6.7 นิ้ว ไปเป็น 7.4 นิ้วได้ ด้วยเทคนิคการม้วนหน้าจอ (Rollable OLED Display) นับเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นนวัตกรรมนี้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน และสามารถใช้งานได้จริงๆ
นอกจากหน้าจอแล้ว OPPO ยังได้ออกแบบโครงสร้างแบบ 2-in-1 Plate ใต้หน้าจอ ที่เป็นชั้นวาง 2 แผ่นซ้าย-ขวา ประกบกันแบบฟันปลา ที่ทำให้ใต้หน้าจอไม่มีช่องว่าง สามารถใช้นิ้วกดลงบนจอได้โดยไม่บุ๋มลงไป พร้อมด้วยกรอบตัวเครื่องแบบ Dynamic Frame ที่เลื่อนออกได้เพื่อรองรับการเลื่อนของตัวเครื่องขณะยืดหดหน้าจอ พร้อมกันนี้ แผงหน้าจอที่ใช้ยังเป็นหน้าจอลามิเนตแบบ Warp Track ที่ม้วนได้อย่างอิสระโดยปราศจากรอยพับ โดยทาง OPPO เลือกใช้เหล็กที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษมาเป็นวัสดุหลักคู่กับแผ่นลามิเนตที่บางเฉียบเพียง 0.1 มม. เมื่อนำมาประกอบกันจะได้พื้นผิวลามิเนต Warp Track ที่มีความยืดหยุ่นขึ้นอย่างมาก
OPPO X 2021 แสดงให้เห็นศัยภาพในเชิงนวัตกรรมของ OPPO ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับแบรนด์ระดับแนวหน้าอย่าง Apple, Samsung และ Huawei จากนี้ไปนวัตกรรมของ OPPO จะพาวงการสมาร์ทโฟนไปในทิศทางไหน ก็ต้องมารอดูกันครับ
มาถึงจุดนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า OPPO เดินทางมาไกลมากทีเดียว แต่แบรนด์อื่นๆ ก็มีประวัติ และเรื่องราวของการเติบโตที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งเราจะนำมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านกันในครั้งหน้าครับ
นำเสนอข่าวโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 6/12/2563
