หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 8/2/2565

พรีวิว OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G สมาร์ทโฟนถ่ายพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ “The Portrait Expert” พร้อมดีไซน์โดดเด่นแบบฝนดาวตก

 

เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้แล้ว สำหรับ OPPO Reno7 5G | OPPO Reno7 Pro 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากตระกูล Reno Series ที่จะมาสร้างความฮือฮาให้กับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอีกครั้งกับสโลแกน "The Portrait Expert" โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีความสวยงามเพียงใด และมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง เราไปรับชมการแกะกล่องพรีวิวก่อนเปิดตัวกันดีกว่าครับ

 

แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์

OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์ที่ใช้สีฟ้าอมเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ ตัดกับตัวอักษรสีดำ เผยให้เห็นชื่อรุ่นด้านหน้าแบบเด่นชัด 

 

เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และชาร์จแบตเตอรี่, เคสใส, คู่มือประกอบการใช้งาน และอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SUPERVOOCTM สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 31 นาทีเท่านั้น

 

ดีไซน์โดยรวมของ OPPO Reno7 5G

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง เริ่มต้นที่ OPPO Reno7 5G ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ LTPS AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz และค่า Touch Sampling Rate ระดับ 180Hz พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5

 

ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 ถัดมาเป็นลำโพงสำหรับสนทนา

 

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ โดยจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ด้านใต้หน้าจอแบบ In-screen fingerprint sensor

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง

 

ทึ่ด้านบนของตัวเครื่องติดตั้งไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน พร้อมถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nanoSIM รองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ดแบบ nanoSIM จำนวน 2 ซิมการ์ด 

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงตัวหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

 

ดีไซน์โดยรวมของ OPPO Reno7 Pro 5G

ในส่วนของ OPPO Reno7 Pro 5G จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Soft AMOELD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 180Hz และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5

 

ที่ด้านบนมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX709 แบบ Ultra-Sensing Sensor ถัดมาเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนา ที่ทำหน้าที่เป็นลำโพงตัวที่สอง สำหรับขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่างตัวเครื่อง

 

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ​ โดยจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอเหมือนกับ OPPO Reno7 5G

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องติดตั้งปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล

 

ส่วนที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนสำหรับสนทนาม พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียง

 

ส่องดีไซน์บางเฉียบ พร้อมฝาหลังที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ OPPO

ในส่วนของดีไซน์ของทั้งสองรุ่นเรียกได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนให้มีความสวยหรูพรีเมียมขึ้นไปอีกระดับ โดยในรุ่น OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับความบางเฉียบเพียง 7.81 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาประมาณ 173 กรัมเท่านั้น ส่วนทางด้านรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมกับความบางเพียง 7.45 มิลลิเมตร และน้ำหนักประมาณ 180 กรัม

ในส่วนของบอดี้ด้านหลัง มาพร้อมกับการเคลือบสีผิวแบบใหม่ใหม่ที่เรียกว่า OPPO Glow ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้อย่างสวยงามมีมิติ นอกจากนี้ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยี Laser Direct Imaging (LDI) มาใช้กับดีไซน์ภายนอกของสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้ฝาหลังของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ที่มาพร้อมกับตัวเลือกสี Startrails Blue มีความโดดเด่นสวยงามมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับเทคโนโลยี Laser Direct Imaging หรือ LDI โดยปกติแล้วเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฮาร์ดแวร์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ IC แต่ครั้งนี้ OPPO เลือกที่จะนำมาใช้ในการผลิตบอดี้ของตัวเครื่องโดยใช้ LDI ในการเลียนแบบลักษณะของเส้นแสงดวงดาวคล้ายกับฝนดาวตก โดยใช้กระบวนการแกะสลัก micro-rasters เป็นจำนวนมากถึง 1.2 ล้านตัว ซึ่งแต่ละตัวจะถูกสร้างบนความละเอียดเพียง 20 ไมครอนเท่านั้น ทำให้เส้นแสงดวงดาวบนฝาหลังของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G มีความแม่นยำ และดูเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ ฝาหลังของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ยังมาพร้อมกับพื้นผิวสองรูปแบบ ด้วยกระบวนการเคลือบพื้นผิวแบบสองชั้น เพื่อให้ชั้นสีสองสีมีความแตกต่างกัน สามารถไล่สี Gradient แบบไดนามิกจากโทนเย็นไปยังโทนอุ่นอย่างสวยงาม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับ OPPO Glow และ OPPO Reno 7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G มากเลยทีเดียว

 

สำหรับสีที่ทุกท่านได้รับชมกันอยู่นี้คือ ในรุ่น OPPO Reno7 5G จะเป็นสี Starry Black ที่เป็นการผสมผสานระหว่างสีดำสุดคลาสสิก และความระยิบระยับจากฝาหลังแบบ OPPO Glow โดยจะมีการใช้สี Gradient ไล่ระดับสีดำ และสีน้ำเงิน ผสมผสานกับความระยิบระยับเปล่งประกายได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ 

 

ส่วนทางด้าน OPPO Reno7 Pro 5G ที่ทุกท่านได้รับชมในพรีวิวฉบับนี้จะเป็นสี Startrails Blue ที่มาพร้อมกับลวดลายฝาหลังคล้ายกับฝนดาวตกบนฟากฟ้า 

 

ที่ด้านบนของรุ่น OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 

  • กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7
  • กล้อง Ultra Wide-Angle รูรับแสงกว้าง f/2.25 พร้อมมุมในการรับภาพกว้าง 118 องศา
  • กล้อง Macro Camera รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมระยะในการโฟกัสภาพใกล้สุดระดับ 4 เซนติเมตร

 

ส่วนทางด้านรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพจำนวน 3 ตัวเช่นเดียวกัน แบ่งออกเป็น

  • กล้องถ่ายภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX766 ที่ทาง OPPO พัฒนาร่วมกับ Sony
  • กล้อง Macro Camera ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
  • กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 มุมในการรับภาพกว้าง 118 องศา
  • เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสี COLOR TEMPERATURE SENSOR
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX766



ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยในรุ่น OPPO Reno7 5G จะมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลตัวแรงจากแบรนด์ MediaTek ในรุ่น Dimensity 900 พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ที่มีเทคโนโลยี RAM Expansion เพื่อช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และหน่วยความจำภายในความจุ 256GB ขณะที่รุ่น OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลระดับเรือธงอย่าง MediaTek Dimensity 1200-MAX ที่จะทำงานควบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB ที่มีเทคโนโลยี RAM Expansion พร้อมหน่วยความจำภายในความจุ 256GB

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว และน่าจับตามองมากเลยทีเดียว ในส่วนของราคาวางจำหน่าย คาดว่า OPPO Reno7 5G จะมีราคาที่ถูกลง จากเดิมในรุ่น OPPO Reno6 5G ที่เปิดมาในช่วงราคา 16,000-17,000 บาท ส่วนทางด้านรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G คาดว่าจะมีราคาวางจำหน่ายที่ใกล้เคียงกับราคาเปิดตัวของ OPPO Reno6 Pro ที่เปิดตัวมาในช่วงราคา 22,xxx บาท

 

ในส่วนของโปรโมชันในช่วงพรีออเดอร์ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno7 5G จะได้รับของสมนาคุณเป็นมูลค่ารวมกว่า 6,990 บาท ประกอบไปด้วย หูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds และบัตร E-VIP Card ส่วนผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno7 Pro 5G จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 10,499 บาท ประกอบไปด้วย หูฟัง OPPO Enco Air2 ซึ่งเป็นหูฟังรุ่นใหม่ที่เตรียมวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงบัตร E-VIP Card

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G จะเปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่เท่าไหร่ และจะมีโปรโมชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกหรือไม่ อีกไม่นานเราก็จะได้ทราบกันแล้วครับ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 8/2/2565

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy