พรีวิว OPPO Find X2 | X2 Pro 5G ที่สุดของเรือธงแห่งยุค ด้วยจอ 3K Ultra Vision 120Hz ระดับ A+ ผสานกล้องยืนหนึ่งของโลก กับสเปกแรงไฮเอนด์ขั้นสุด และชาร์จเร็วเกินใคร บนดีไซน์โค้งมนสุดพรีเมียม
เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ OPPO Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Find X ที่เคยเปิดตัวไปเมื่อปี 2018 ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ในปี 2020 ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมาพร้อมกับนวัตกรรมสุดล้ำมากมาย รวมถึงฟีเจอร์สำคัญอย่างการรองรับ 5G ด้วย และเนื่องในโอกาสที่ทีมงานได้สัมผัส Find X2 Series 5G เป็นกลุ่มแรกๆ จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาทำพรีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน ไปติดตามกันเลยครับ
เริ่มต้นที่กล่องผลิตภัณฑ์กันก่อน สำหรับ OPPO Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G จะมาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ด้วยตัวกล่องสีน้ำเงินเข้มสลับโทนอ่อน พร้อมเล่นลวดลายตารางซึ่งช่วยเพิ่มความเรียบหรูได้เป็นอย่างดี โดยที่หน้ากล่องมีการประทับชื่อรุ่น Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G ให้เห็นกันแบบชัดเจน
เปิดกล่องชั้นนอกจะพบกับกล่องชั้นในสีดำเข้มที่ประทับโลโก้ OPPO ด้วยสีทอง
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องทั้งสองรุ่นจะประกอบไปด้วย คู่มือการใช้งาน, เอกสารการรับประกัน, เคสใส, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, หูฟังแบบ Earpod และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ของ OPPO Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G รองรับเทคโนโลยี SuperVOOC 2.0 สามารถจ่ายไฟได้สูงสุดที่ 10V/6.5A หรือ 65W ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ชั่วโมงนี้เลยก็ว่าได้
OPPO Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Ultra Vision Screen โดยเป็นจอขอบโค้งทั้งสองด้านขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 3K QHD+ (3168x1440 พิกเซล) ที่มีการเจาะรูบนหน้าจอแสดงผลที่มุมบนซ้ายเพื่อติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
สำหรับหน้าจอแบบ Ultra Vision Screen แน่นอนว่าจะต้องมีความพิเศษอย่างแน่นอน โดยมาพร้อมกับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมความหนาแน่นพิกเซล 513ppi และมีค่าความสว่างสูงสุดที่ 1200nit รวมถึงค่า Contast Ratio ที่ 5,000,000:1 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงสีสันแบบ 10 Bit (8+2bit) เป็นรุ่นแรกของวงการ ทำให้สามารถแสดงสีสันได้มากกว่า 1.07 พันล้านสี มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีหน้าจอแบบ 8 bit ซึ่งสามารถแสดงสีสันได้เพียง 16 ล้านสีเท่านั้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Adaptive Eye Protection ที่ช่วยเปลี่ยนสีสัน และความสว่างของหน้าจอให้ผู้ใช้รู้สึกสบายตามากที่สุด ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสถาบันชั้นนำอย่าง TÜV Rheinland อีกด้วยครับ
ภายใต้หน้าจอแสดงผลของทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับชิปเซ็ตสำหรับช่วยประมวลผลภาพโดยเฉพาะในชื่อ O1 Ultra Engine โดยชิปรุ่นดังกล่าวจะเข้ามาทำหน้าที่สำคัญ 2 อย่างด้วยกัน ได้แก่ Motion Clear หรือการช่วยเติมเฟรมต่างๆ บนคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ เพื่อช่วยให้วิดีโอเล่นได้ไหลลื่นเหมาะสมกับหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz และ HDR Video Enhancement สำหรับปรับส่วนมืด-ส่วนสว่าง ของเม็ดสีบนวิดีโอเพื่อให้ผู้ใช้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจนกว่าเดิม
และด้วยความโดดเด่นทางด้านประสิทธิภาพของหน้าจอนี่เอง ทำให้ DisplayMate ยกให้หน้าจอของ OPPO Find X2 5G มีคุณภาพสูงสุดในระดับ A+ เลยทีเดียว โดย DisplayMate ให้เหตุผลว่า หน้าจอของ OPPO Find X2 มีจุดเด่นในเรื่องของการแสดงสีสันที่เที่ยงตรงด้วยค่าความผิดเพี้ยนของสีที่มองเห็นได้ (Just Noticeable Color Different) เพียง 0.4 JNCD เท่านั้น รวมไปถึงค่าความละเอียดของหน้าจอที่มองเห็นได้สูงสุดถึงระดับ 3K (3168x1440 พิกเซล)
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลทั้งสองรุ่น ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ นอกจากนี้ ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์ Proximity สำหรับดับแสงหน้าจอแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู และเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับปรับระดับแสงของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ
ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลทั้งสองรุ่นนอกเหนือจากจะเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งปุ่มควบคุมบนหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อให้ผู้ใช้วางนิ้วเพื่อปลดล็อกได้อย่างสะดวกอีกด้วย
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องทั้งสองรุ่นติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียงเอาไว้
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล
ที่ด้านบนของตัวเครื่องติดตั้งไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ส่วนที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nanoSIM, พอร์ต USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และชาร์จแบตเตอรี่ ถัดมาที่ทางด้านขวาสุดจะเป็นลำโพงเสียงตัวหลักที่จะทำงานควบคู่กับลำโพงสนทนาที่ด้านบนหน้าจอ ซึ่งหมายความว่า OPPO Find X2 Series 5G ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับลำโพงคู่ (Stereo Speakers) นั่นเองครับ นอกจากนี้ ลำโพงของ OPPO Find X2 Series 5G ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos เพื่อช่วยเล่นเสียงแบบรอบทิศทาง
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับบอดี้กระจกผิวสัมผัสเงาเหมือนกันทั้งคู่ แต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของสีสัน รวมถึงคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น ในส่วนของสีสันโดยเฉพาะสีดำ (Black) ที่มีความแตกต่างกันตามที่ทีมงานกล่าวไว้นั้นก็คือ OPPO Find X2 5G จะมีการใช้แถบคาดสีดำเข้ม พาดบริเวณกล้องถ่ายภาพยาวมาจนถึงด้านล่าง ขณะที่ OPPO Find X2 Pro 5G จะเป็นสีดำเงาแบบเดียวกันทั้งตัวเครื่อง ส่วนคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นนั้น OPPO Find X2 Pro 5G จะเป็นสมาร์ทโฟนเพียงรุ่นเดียวที่มาพร้อมกับค่า IP Rating ที่ระดับ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร เป็นเวลานานสูงสุด 30 นาที
ที่ด้านบนของ OPPO Find X2 5G มาพร้อมกับระบบกล้องหลัง 3 ตัวในชื่อ Versatile Triple Camera โดยแบ่งออกเป็น แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 ขนาด 1/2.0 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f/1.7 โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX708 ขนาด 1/2.4 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f/2.2, โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, องศาในการรับภาพกว้าง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง f/2.2, โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
ส่วน OPPO Find X2 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวเช่นเดียวกัน แต่จะมีคุณสมบัติของกล้องที่เหนือกว่า Find X2 รุ่นปกติอยู่หลายจุด โดยมาในชื่อว่า Ultra Vision Camera ส่งผลให้ OPPO Find X2 Pro ได้รับคะแนนทดสอบจากสถาบันทดสอบที่เชี่ยวชาญอย่าง DxOMark สูงสุดถึง 124 คะแนน ขึ้นแท่นมือถือกล้องดีที่สุดในโลก ณ ชั่วโมงนี้ โดยกล้องแต่ละตัวของ OPPO Find X2 Pro 5G มีรายละเอียดดังนี้
- กล้องตัวหลักแบบ Wide Angle ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX689 ขนาด 1/1.4 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f/1.7, โครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์, ระบบโฟกัสภาพแบบ All Pixel Omni-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 ขนาด 1/2 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f/2.2 โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, องศาในการรับภาพกว้าง 120 องศา
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง f/3.0, โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
สำหรับกล้องของ OPPO Find X2 Pro 5G มาพร้อมกับจุดเด่นด้านระบบซูมไกล 10x Hybrid Zoom ซึ่งเป็นการซูมภาพโดยใช้ซอฟต์แวร์ผสานกับฮาร์ดแวร์ที่มีกลไกแบบ Periscope อยู่ภายใน เพื่อให้ภาพถ่ายสูญเสียรายละเอียดน้อยที่สุด และยังสามารถซูมภาพแบบ Digital Zoom ได้ไกลถึง 60 เท่า ขณะที่ OPPO Find X2 5G จะรองรับการซูมภาพแบบ Hybrid Zoom ที่ 5 เท่า และ Digital Zoom ได้สูงสุดที่ 20 เท่า เนื่องจากเลนส์กล้องซูมของ Find X2 5G ไม่ใช่แบบ Periscope นั่นเองครับ
กล้องของ OPPO Find X2 Series 5G ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างเช่น การถ่ายภาพ Macro ที่สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดถึง 3 เซนติเมตร, ฟังก์ชัน Ultra Steady Video Pro สำหรับช่วยป้องกันการสั่นไหวขณะถ่ายวิดีโอ, รวมไปถึงฟังก์ชัน Ultra Night Mode 3.0 สำหรับช่วยถ่ายภาพกลางคืนให้มีความคมชัดยิ่งกว่าเดิมโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใดๆ
นอกจากนี้ OPPO Find X2 Series 5G ยังมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน Soloop ที่ช่วยให้ผู้ใช้นำคลิปวิดีโอที่ถ่ายบนสมาร์ทโฟน มาทำการตัดต่อ, ใส่เพลง หรือใสแอนิเมชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
ข้ามมาดูที่คุณสมบัติตัวเครื่องกันสักเล็กน้อย สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G มาพร้อมกับคุณสมบัติไฮเอนด์ขั้นสุดหมือนกันทั้งคู่ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 Octa-Core Processor ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ใหม่ล่าสุด ขนาด 12GB พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 พร้อมรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS เวอร์ชัน 7.1 ตั้งแต่แกะกล่อง โดยทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันเพียงในเรื่องของความจุภายใน เนื่องจาก OPPO Find X2 5G มาพร้อมกับหน่วยความจำ ROM ขนาด 256GB ขณะที่ OPPO Find X2 Pro 5G มาพร้อมกับหน่วยความจำ ROM ขนาด 512GB นั่นเองครับ
นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode ครอบคลุมคลื่นความถี่ของผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทย และรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ทั้งสองซิมการ์ด (สามารถ Standby บนระบบเครือข่าย 5G ได้เฉพาะซิมหลัก ส่วนซิมรองจะ Standby บนระบบเครือข่าย 4G ตามปกติ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกซิมใดเป็นซิมหลัก แต่ในเบื้องต้นทาง OPPO แจ้งว่า อาจต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนฮาร์ดแวร์ภายในตัวเครื่องให้รองรับคลื่น 5G ภายในบ้านเรากันสักเล็กน้อยครับ
สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G เปิดให้สั่งจองในประเทศไทยแล้ววันนี้ - วันที่ 19 มีนาคม 2563 โดยเปิดราคาวางจำหน่ายที่ 33,990 บาท สำหรับรุ่น OPPO Find X2 5G ส่วนทางด้านรุ่น OPPO Find X2 Pro 5G เปิดราคาวางจำหน่ายที่ 40,990 บาท โดยผู้ที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับฟรีของแถมมูลค่ารวมกว่า 15,739 บาท ได้แก่ OPPO VIO Card, OPPO Enco Free Wireless Headphones และ 50W SuperVOOC Car Charge สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถสั่งจอง OPPO Find X2 Series ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านได้นะครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 9/3/2563
