รวมมือถือสไตล์ Pure Android ระบบคลีน ลื่น เสถียร ไม่แถมแอปแปลก ๆ จากโรงงาน อัปเดต ม.ค. 2025
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลายรุ่นโดยเฉพาะในกลุ่มราคาประหยัดมักจะมีแอปพลิเคชันแถมมาให้จากโรงงานมากมาย เราเรียกแอปแถมเหล่านี้ว่า Bloatware ซึ่งหลายครั้งก็เป็นแอปที่เราไม่ต้องการ หรือไม่คิดจะใช้งานตั้งแต่แรก ทำให้หนักเครื่องเปล่า ๆ แถมบางครั้งยังทำให้เครื่องช้าลงอีกด้วย ใครที่เบื่อแอปแถมเหล่านี้เรามีสมาร์ทโฟนคลีน ๆ ที่ "ใกล้เคียง" กับ Pure Android มาแนะนำ ซึ่งมากับระบบปฏิบัติการที่ผ่านการดัดแปลงน้อยที่สุด และแทบจะไม่แถม Bloatware มาให้จากโรงงาน อีกทั้งยังพอจะหาซื้อได้ในไทยในช่วงต้นปี 2025 มีรุ่นไหนบ้างไปดูกันเลยครับ
Nothing Phone (2)
ราคาเริ่มต้น 19,990 บาท
Nothing Phone คือสมาร์ทโฟนสุดอินดี้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก จุดเด่นคือใช้อินเทอร์เฟซ Nothing OS ที่เรียกว่าเป็นหนึ่งใน OS ที่คลีนที่สุดแล้วในตอนนี้ เพราะนอกจากหน้าตาของอินเตอร์เฟซแล้ว ข้างในแทบไม่ต่างอะไรกับ Pure Android ไม่มีลูกเล่นแพรวพราว และไม่ยัดเยียดแอปแปลก ๆ มาให้ มีแต่ฟีเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนสเปกโดยรวมก็ถือว่าไม่เลว เพราะได้ชิป Snapdragon 8+ Gen 1 และจอ OLED 120Hz แถมชาร์จไร้สายได้ด้วย
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen 1
- หน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz
- รุ่นความจุ 12+256GB / 12+512GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 50MP+50MP
- กล้องหน้า 32MP
- แบตเตอรี่ 4,700 mAh ชาร์จไว 45W และชาร์จไร้สาย 15W
Nothing Phone (2a) Plus
12+256GB : 15,490 บาท
หากต้องการประหยัดขึ้นมาหน่อย ก็ยังมี Nothing Phone (2a) Plusให้เลือก ซึ่งรุ่น Plus นี้เป็นรุ่นอัปเกรดโดยตรงของ (2a) โดยหลัก ๆ จะเปลี่ยนเป็นชิปรุ่นใหม่ Dimensity 7350 Pro 5G ที่แรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น, กล้องหน้า 50MP และชาร์จไว 50W โดยยังคงเสน่ห์ของระบบปฏิบัติการ Nothing OS เอาไว้เหมือนเดิมครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7350 Pro 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz
- ความจุ 12+256GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 50MP+50MP
- กล้องหน้า 50MP
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 50W
Sony Xperia 1 VI
12+256GB : 38,990 บาท
สมาร์ทโฟนเรือธงค่ายอารยธรรมรุ่นล่าสุด แม้จะไม่ใช่ยี่ห้อที่แมสในปัจจุบันและมีราคาเปิดตัวที่สูง แต่ก็เป็นเรือธงอีกรุ่นหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในระดับท็อป และมีอินเทอร์เฟซที่ผ่านการดัดแปลงจาก Android เดิม ๆ น้อยมาก ไม่มีแอปแปลก ๆ แถมมาให้ (หรือถ้ามีก็ลบทิ้งได้หมด) มีจุดเด่นไม่เหมือนใครที่หน้าจออัตราส่วน 21:9 ซึ่งยาวกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป และปุ่มชัตเตอร์ข้างตัวเครื่อง รุ่นนี้มีการอัปเกรดด้วยลำโพงสเตอริโอแบบฟูลสเตจที่ให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยม, หน้าจอที่ใช้ AI ประมวลผลภาพเหมือนทีวี Bravia และการถ่ายภาพที่สืบทอดตัวตนจากกล้อง Sony Alpha มาเต็ม ๆ ที่สำคัญตอนนี้ราคาลดลงมาจากช่วงเปิดตัวมาก เหลือเพียง 38,990 บาท ทำให้เป็นเรือธงอีกรุ่นที่น่าสนใจในตอนนี้ครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3
- หน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.5 นิ้ว (21:9) ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz
- ความจุ 12+256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48MP+12MP+12MP
- กล้องหน้า 12MP
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 50W
Xperia 10 VI
8+128GB : 12,743 บาท
หาก Xperia 1 VI แพงเกินไป และไม่ได้ต้องการสเปกไฮเอนด์ขนาดนั้น ก็สามารถเลือก Xperia 10 VI ได้เช่นกัน สำหรับรุ่นนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 1 และลดสเปกต่าง ๆ ลงมาตามราคา แต่ยังคงเอกลักษณ์อย่างจอ 21:9 และระบบปฏิบัติการสุดคลีนเอาไว้เหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ก็ลดราคาลงมาจากช่วงเปิดตัวแล้วเช่นกัน เหลือ 12,743 บาท ครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 1
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว (21:9) ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 60Hz
- ความจุ 8+128GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 48MP+8MP
- กล้องหน้า 8MP
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 30W
Google Pixel 9 Series
ราคาเริ่มต้นราว 25,000 บาท
Pixel 9 Series คือซีรีส์เรือธงรุ่นล่าสุดจาก Google จุดเด่นคือความเรียบง่ายของซอฟต์แวร์ที่คลีนขั้นสุด ไม่มีลูกเล่นหวือหวาอลังการใด ๆ แต่มีประสิทธิภาพรอบด้านที่ทัดเทียมมือถือเรือธงรุ่นอื่น ๆ จึงเป็นมือถือขวัญใจสายอินดี้ในบ้านเรา อีกหนึ่งความไม่เหมือนใครของ Pixel 9 Series คือชิปเซ็ต Google Tensor G4 ที่ไม่เน้นความแรงพลังดิบ แต่เน้นการประมวลผล AI ทำให้ฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ Pixel 9 Series ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ยังมีคนที่รับมาขายอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็น ROM อเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งสามารถใช้งานในไทยได้ตามปกติครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Google Tensor G4
- หน้าจอแสดงผล
- Pixel 9: OLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz
- Pixel 9 Pro: LTPO OLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1.5K อัตรารีเฟรช 120Hz
- Pixel 9 Pro XL: LTPO OLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1.5K อัตรารีเฟรช 120Hz
- รุ่นความจุเริ่มต้น 12+128GB สูงสุด 16+1TB
- กล้องหลัง
- Pixel 9: 2 ตัว ความละเอียด 50MP+48MP
- Pixel 9 Pro: 3 ตัว ความละเอียด 50MP+48MP+48MP
- Pixel 9 Pro XL: 3 ตัว ความละเอียด 50MP+48MP+48MP
- กล้องหน้าความละเอียด 42MP
- Pixel 9: 10.5MP
- Pixel 9 Pro: 42MP
- Pixel 9 Pro XL: 42MP
- แบตเตอรี่
- Pixel 9: 4,700mAh ชาร์จไว 27W ชาร์จไร้สาย 15W
- Pixel 9 Pro: 4,700mAh ชาร์จไว 27W ชาร์จไร้สาย 21W
- Pixel 9 Pro XL: 5,0600mAh ชาร์จไว 27W ชาร์จไร้สาย 23W
Google Pixel 9 Pro Fold
ราคาเริ่มต้นราว 63,000 บาท
ถ้าชอบสมาร์ทโฟนจอพับ และอยากได้ประสบการณ์ใกล้เคียง Pure Android ด้วย ก็ยังมี Google Pixel 9 Pro Fold ให้เลือก จุดเด่นและประสบการณ์การใช้งานไม่ต่างกับ Pixel 9 Pro หรือ Pro XL แต่เพิ่มความสามารถในการพับจอมาให้ อย่างไรก็ตาม ราคาของ Google Pixel 9 Pro Fold ในไทยตอนนี้ยังแพงมาก โดยอยู่ที่ 60,000 บาทขึ้นไป ซึ่งอาจไม่คุ้มกับการลงทุน อีกทั้งสเปกก็ไม่ได้หวือหวาเมื่อเทียบกับจอพับรุ่นอื่นอย่าง Galaxy Z Fold6 จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่แนะนำเท่าไหร่ เว้นแต่ว่าจะอยากใช้ Pixel จอพับจริง ๆ ครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Google Tensor G4
- หน้าจอพับ LTPO OLED ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 2K อัตรารีเฟรช 120Hz
- หน้าจอนอก OLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz
- ความจุเริ่มต้น 16+256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48MP+10.8MP+10.5MP
- กล้องหน้า 10MP (จอนอก) 10MP (จอใน)
- แบตเตอรี่ 4,650 mAh ชาร์จไว 21W ชาร์จไร้สาย 7.5W
Pixel 8a
ราคาเริ่มต้นราว 18,000 บาท
Pixel 8a เป็นรุ่นประหยัดของมือถือตระกูล Pixel ที่พอจะหาซื้อในไทยได้ตอนนี้ในราคาไม่เกิน 20,000 บาท แต่รุ่นนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปีก่อนทำให้สเปกต่าง ๆ จะไม่สดใหม่เท่าตระกูล Pixel 9 โดยจะใช้ชิปเซ็ต Tensor G3 รุ่นก่อนหน้าแทน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น Tensor G3 ก็มีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียง Snapdragon 8 Gen 2 เลยทีเดียว ส่วนสเปกด้านอื่น ๆ ก็ถือว่าไม่แย่ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและเข้าถึงง่ายครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Google Tensor G3
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz
- รุ่นความจุเริ่มต้น 8+128GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 64MP+13MP
- กล้องหน้าความละเอียด 13MP
- แบตเตอรี่สูงสุด 4,492mAh ชาร์จไว 18W
HMD Fusion 5G
8+256GB : 8,189 บาท
HMD คือผู้สืบทอดแบรนด์ Nokia เดิม และมีวิสัยทัศน์ที่ต่างไปจากแบรนด์มือถืออื่น ๆ โดยเน้นทำสมาร์ทโฟนที่เน้นประสบการณ์การใช้งานที่เรียบง่ายมากกว่าที่จะแข่งกันอัดสเปก สำหรับ HMD Fusion 5G เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่มีดีไซน์โดดเด่น และสามารถแกะซ่อมได้ง่ายเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน จุดเด่นคือกล้องหลัง 108MP และกล้องหน้า 50MP รองรับเครือข่าย 5G และมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกหลากหลาย แม้สเปกจะไม่แรงเท่ารุ่นอื่น แต่ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Snapdragon 4 Gen 2
- หน้าจอ IPS-LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
- รุ่นความจุ 8+256GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 108MP+2MP
- กล้องหน้าความละเอียด 50MP
- แบตเตอรี่สูงสุด 5,000mAh ชาร์จไว 33W
HMD Pulse Pro
6+128GB : 3,490 บาท
สำหรับคนงบน้อยแต่อยากได้มือถือคลีน ๆ HMD Pulse Pro ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีด้วยราคาเพียง 3,490 บาท รุ่นนี้มากับกล้องหน้า 50 MP และ กล้องหลัง 50 MP โดยมีโหมด AI Super Portrait ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพบุคคลที่ให้ความคมชัดระดับอัลตร้า นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว 20W พร้อมหัวชาร์จในกล่อง ที่สำคัญสเปกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามือถือรุ่นอื่นในราคาใกล้เคียงกันเลยครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Unisoc T606
- หน้าจอ IPS-LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
- รุ่นความจุ 6+128GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 50MP+2MP
- กล้องหน้าความละเอียด 50MP
- แบตเตอรี่สูงสุด 5,000mAh ชาร์จไว 20W
ROG Phone 8 Series
ราคาเริ่มต้น 26,990 บาท
ROG Phone 8 Series เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งเต็มสูบที่ดูแล้วไม่น่าจะใกล้เคียง Pure Android เท่าไหร่ เพราะมีการดัดแปลงหน้าตา UI ภายในเยอะมาก แต่จริง ๆ แล้ว ROG Phone 8 Series มีระบบที่คลีนสุด ๆ เพราะนอกจากหน้าตา UI และฟีเจอร์เกมมิ่งทั้งหลายแล้วก็ไม่มีการดัดแปลงอะไรในระบบอีกเลย เหมาะกับเกมเมอร์ที่อยากได้สมาร์ทโฟนคลีน ๆ ซีรีส์นี้มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ ROG Phone 8 และ ROG Phone 8 Pro สเปกแทบจะเหมือนกันหมด ต่างกันที่ขนาด RAM, หน่วยความจำ และลูกเล่นไฟ RGB ด้านหลังเท่านั้น โดยไฟของรุ่น Pro จะสามารถขยับได้ครับ
สเปกเบื้องต้น
- ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3
- หน้าจอแสดงผล LTPO AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 165Hz
- รุ่นความจุเริ่มต้น 12+256GB
- กล้องหลัง
- ROG Phone 8: 3 ตัว ความละเอียด 50MP+5MP+13MP
- ROG Phone 8 Pro: 3 ตัว ความละเอียด 50MP+32MP+13MP
- กล้องหน้าความละเอียด 32MP
- แบตเตอรี่
- ROG Phone 8: 5,000mAh ชาร์จไว 65W
- ROG Phone 8 Pro: 5,500mAh ชาร์จไว 65W
และทั้งหมดนี้คือมือถือสไตล์ Pure Android ที่พอจะหาซื้อในไทยได้ในช่วงต้นปี 2025 แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงการแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเท่านั้น ไม่ได้ประเมิน หรือจัดอันดับว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดดีกว่ากัน สุดท้ายแล้วสมาร์ทโฟนจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้แต่ละคนครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 15/1/2568
