เปลี่ยนมาใช้ iPhone ไหม ถ้า iPhone 15 Pro มีทั้ง USB-C และกล้องซูมไกล Periscope เหมือน Android
แม้ว่าจะในปีนี้เรากำลังจะได้เห็น iPhone 14 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมาก็เริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับไอโฟนรุ่นใหม่ประจำปี 2023 อย่าง iPhone 15 Series ถูกเปิดเผยออกมาให้ทราบกันบ้างแล้ว และหนึ่งในรุ่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากก็คือ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่มีรายงานว่าอาจจะมาพร้อมกับการรีดีไซน์ครั้งใหญ่ทั้งในส่วนของสเปก ฟีเจอร์ และดีไซน์ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ช่วงดึงดูดผู้ใช้หลายต่อหลายคนอยากย้ายมาใช้ไอโฟนรุ่นนี้ หรืออาจตัดสินใจอัปเกรดจากไอโฟนรุ่นเก่าในรอบหลายปีก็เป็นได้ โดย iPhone 15 Pro จะมีฟีเจอร์อะไรที่อาจนำมาใช้งานกับรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
USB-C กำลังจะมา
iPhone เริ่มใช้งานพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Lightning กับไอโฟนมานับตั้งแต่การเปิดตัว iPhone 5 ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไอโฟนก็ยังคงใช้งานพอร์ต Lightning มาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านพอร์ตเชื่อมต่อของอุปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (Universal) โดยเราจะเห็นได้จากการที่ iPad ที่เปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เป็น USB-C ให้สอดคล้องกับ MacBook ที่ได้นำร่องเปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นพอร์ตเดียวสำหรับเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์นับตั้งแต่ปี 2016
และหากมองย้อนกลับไปตลอดช่วงระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา มือถือ Android ก็ได้มีการเปลี่ยนผ่านจากพอร์ตแบบ microUSB เป็น USB-C เพื่อให้สอดคล้องกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในท้องตลาดทั้ง แล็ปท็อป, หน้าจอ, กล้องถ่ายภาพ รวมถึง Gadget อื่น ๆ ที่ใช้พอร์ตแบบ USB-C เหมือนกันนั่นเอง
แม้ว่าในปีนี้ iPhone จะยังคงใช้พอร์ต Lightning อยู่ แต่ด้วยกระแสกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปหลังรัฐสภายุโรปได้ออกมาตัดสินเกี่ยวกับกฏหมายการใช้พอร์ต USB-C ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่า ภายในปี 2024 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาที่วางจำหน่ายในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น มือถือ, กล้องถ่ายภาพ, แท็ปเล็ค, เครื่องเกมพกพา ไปจนถึงหูฟัง จะต้องใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C ทั้งหมด
ถ้าดูจากยอดขาย iPhone ทั่วโลกเมื่อปี 2021 ที่สามารถขายได้กว่า 241 ล้านเครื่องทั่วโลก โดยยอดขาย 56 ล้านเครื่องจากทั้งหมดถูกขายในยุโรป ก็หมายความว่า iPhone จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C เหมือนกับอุปกรณ์อื่น ๆ หากต้องการทำตลาดในยุโรปต่อ
หาก iPhone สามารถเปลี่ยนมาใช้ USB-C ได้จริงก็น่าจะเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่หลายคนเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน เพราะไม่จำเป็นต้องพกสายชาร์จหลายแบบติดตัวอีกต่อไป ใช้เพียงสาย USB-C เส้นเดียวก็สามารถชาร์จได้ทั้ง iPhone, MacBook และ iPad อีกทั้งการที่ iPhone เปลี่ยนมาใช้ USB-C ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อเปิดประสบการณ์แบบใหม่ เช่น ต่อสาย USB-C เข้ากับกล้อง Mirrorless เพื่อเปลี่ยน iPhone ให้เป็น Live View หรือต่อเข้ากับ SSD เพื่อนำไฟล์มาใช้ในการตัดต่อคลิป หรือโอนข้อมูลจาก iPhone ไปเก็บไว้ใน SSD ได้ เป็นต้น
กล้องที่ซูมได้ไกล และชัดกว่าเดิมหลายเท่า
ฟังก์ชันกล้องซูมไกลแบบ Periscope เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีการนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนในช่วงระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการซูมด้วยชิ้นเลนส์บนมือถือให้ไกลขึ้น และคมชัดขึ้นกว่าเดิมด้วยการใช้โมดูลกล้องที่มีการจัดเรียงฮาร์ดแวร์ภายในที่ต่างไปจากกล้องปกติ
โดย Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดังที่มักจะให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ทำการเปิดเผยให้ทราบว่า iPhone 15 Pro Max จะเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้อง Periscope ที่มีระยะการซูมด้วยเลนส์ไกลถึง 5-6x ซึ่งจากเดิมในรุ่น iPhone 13 Pro ที่ซูมได้ไกลสุด 15 เท่า ก็ไม่แน่ว่า iPhone 15 Pro Max อาจมีช่วงการซูมได้ไกลสุด 50 เท่า หรือ 100 เท่าเหมือนกับสมาร์ทโฟน Android ก็เป็นได้ ซึ่งการมาถึงของกล้อง Periscope น่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของการถ่ายโหมด Portrait, การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์จากระยะไกล ไปจนถึงการถ่ายวิดีโอในโหมด Cinematic ที่จะมีระยะเลนส์ให้เลือกใช้งานหลากหลายมากยิ่งขึ้น
และนอกเหนือจากกล้องซูมไกล Periscope แล้ว ยังมีรายงานด้วยว่า iPhone 14 Pro จะเริ่มมีการอัปเกรดไปใช้กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซลเป็นครั้งแรก จากที่ใช้กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลมาอย่างยาวนาน ทำให้ในรุ่น iPhone 15 Pro ก็อาจได้ใช้งานกล้องความละเอียดเดียวกัน ซึ่งข้อดีของกล้องความละเอียดสูงไม่ใช่แค่เพียงไฟล์ภาพที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เก็บข้อมูลของภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา อาทิเช่น Pixel-bining ที่จะรวมพิกเซลเล็ก ๆ ให้เป็นพิกเซลใหญ่ เพื่อช่วยให้รับแสงดีขึ้นนั่นเอง
ดีไซน์ใหม่หมดจด
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะดึงดูดผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีก็คือ ดีไซน์ โดยในรุ่น iPhone 14 Pro จะเป็นครั้งแรกที่เกิดการรีดีไซน์ครั้งใหญ่ ตัดรอยบากบนหน้าจอออกไป และปรับไปใช้การเจาะรูบนหน้าจอขนาดเล็กเพื่อติดตั้งกล้องหน้า และชุดสแกนใบหน้า Face ID แทน ซึ่งข้อดีจะช่วยเพิ่มพื้นที่การแสดงผลได้มากขึ้น แถมยังมีพื้นที่สำหรับวางไอคอนแจ้งเตือนที่แถบด้านบนมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนใน iPhone 15 Pro ก็มีรายงานออกมาเช่นกันว่า ดีไซน์อาจเปลี่ยนไปจาก iPhone 14 Pro เพราะ Apple อาจไม่เจาะรูบนหน้าจอแล้ว แต่อาจเลือกที่จะเว้นพื้นที่หน้าจอส่วนบนเป็นแนวยาวเพื่อติดตั้งชุดกล้อง และเซ็นเซอร์สำคัญต่าง ๆ แทน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่เผยให้ทราบถึงความเป็นไปได้ของ iPhone 15 ที่อาจมาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้า Face ID ที่สามารถทำงานใต้หน้าจอ ซึ่งหาก Apple ทำได้จริงก็หมายความว่า iPhone 15 Pro อาจเป็นรุ่นแรกของ Apple ที่ไม่มีติ่ง หรือรอยบากบนหน้าจอแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลด้านต้นเป็นเพียงการรวบรวมข่าวสาร และข้อมูลล่าสุดเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้เท่านั้น และยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็น่าจับตามองกันต่อไปว่า iPhone รุ่นใหม่ในอนาคตจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ เหมือนกับรายงานด้านต้นหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับ
ข้อมูลอ้างอิง : PhoneArena, The Verge
วันที่ : 19/7/2565
