สรุปฟีเจอร์ใหม่ iPhone 11 (ไอโฟน 11), iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน!
อัปเดตล่าสุด : iPhone 11 ไอโฟน 11 เปิดราคาในไทยแล้วเริ่มที่ 24,900 บาท
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max สามไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ใหม่รอบด้านทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ไปจนถึงการถ่ายภาพ ซึ่งในวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้รวบรวมฟีเจอร์ใหม่ของไอโฟน 11 ทั้งสามรุ่นมาให้ทุกท่านได้รับทราบกันเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลยครับ
จอรอยบากที่ประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ยังคงเลือกใช้งานดีไซน์จอรอยบากเช่นเดิม แต่มีการอัปเกรดหน้าจอใหม่หมดจดในรุ่นของ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Super Retina XDA ขนาด 5.8 นิ้ว (ไอโฟน 11 Pro) หรือ 6.5 นิ้ว (ไอโฟน 11 Pro Max) โดยมีจุดเด่นด้านค่าความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1200nits พร้อมค่า Contrast Ratio ระดับ 2,000,000:1 ซึ่งทาง Apple ระบุว่า เป็นหน้าจอที่สว่าง และคมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนไอโฟนเลยทีเดียว
แรงสุดในวงการสมาร์ทโฟนด้วย Apple A13 Bionic
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับขุมพลังตัวใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Apple A13 Bionic โดยผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตร พร้อมปรับโครงสร้าง CPU รวมถึง CPU ใหม่ ซึ่งทาง Apple ได้นำไปเปรียบเทียบกับชิปรุ่นท็อปบนท้องตลาดอย่าง Snapdragon 855, Kirin 980 หรือแม้แต่ชิปรุ่นเก่าของตนเองอย่าง A12 Bionic ก็พบว่า A13 Bionic แรงกว่าทุกด้าน ตรงกับที่ Apple ระบุว่า iPhone ทั้งสามรุ่นมีชิปเซ็ตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนสมาร์ทโฟน (Both iPhone 11 and iPhone 11 Pro have the fastest chip ever in a smartphone)
กล้องอัปเกรดใหม่ยกชุด!
iPhone 11 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ (Dual Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Ulra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้กว้างถึง 120 องศา
ทางด้าน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้กว้างถึง 120 องศา และกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการซูมภาพไม่สูญเสียรายละเอียดแบบ Optical Zoom ได้สูงสุด 4 เท่า
ถ่ายกลางคืนสว่างสดใสด้วย Night Mode
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับฟังก์ชันการถ่ายภาพกลางคืนโดยเฉพาะที่เรียกว่า Night Mode โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างซอฟต์แวร์ และชิปตัวใหม่อย่าง Apple A13 Bionic ที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพแสงน้อยได้อย่างคมชัด ผ่านการเปิดหน้าชัตเตอร์ให้นานถึงเพื่อเก็บแสงให้มากขึ้น พร้อมทั้งระบบจะทำการถ่ายภาพหลายๆ ใบแล้วนำมารวมกันเพื่อให้ช่วยเก็บรายละเอียดของภาพให้ดีที่สุด ซึ่งทาง Apple ระบุว่า Night Mode จะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อตรวจจับได้ว่าผู้ใช้กำลังถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย
Slofie อีกขั้นของเซลฟี่ ด้วยเซลฟี่แบบสโลวโมชัน!
กล้องหน้า TrueDepth Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Slofie ซึ่งเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Motion ที่ระดับ 120fps ที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวินาทีได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ก่อนเป็นฟีเจอร์ที่อยู่ภายในกล้องหลังเท่านั้น รวมทั้งกล้องหน้ายังสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ที่ระดับ 60fps ได้อีกด้วย
แบตใช้ได้นานขึ้นกว่าที่เคย
ด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ รวมถึงการปรับปรุงแบตเตอรี่ ทาง Apple เปิดเผยว่า iPhone 11 จะใช้งานได้นานขึ้นกว่า iPhone XR ราว 1 ชั่วโมง ขณะที่ iPhone 11 Pro ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS ราว 4 ชั่วโมง ด้าน iPhone 11 Pro Max ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS Max ราว 5 ชั่วโมง
แถมหัวชาร์จเร็วมาให้ในกล่องแล้ว!
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รองรับการชาร์จเร็วที่ระดับ 18W เหมือนกันทั้งสามรุ่น แต่ภายในกล่องของ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะแถมอแดปเตอร์ 18W มาให้ด้วย ขณะที่รุ่น iPhone 11 จำเป็นต้องซื้อแยกในราคา 1,190 บาท
กันน้ำกันฝุ่นดีกว่าเดิม
iPhone 11 สามารถกันน้ำได้ลึกสุดถึง 2 เมตร เป็นเวลานานสุด 30 นาที ซึ่งถือว่ากันน้ำได้ลึกว่า iPhone XR ถึงสองเท่า ขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max กันน้ำได้ลึกสุดถึง 4 เมตร เป็นเวลานานสุด 30 นาที รวมทั้งยังสามารถกันของเหลวต่างๆ เช่น กาแฟ, ชา หรือโซดา ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ดี การรับประกันของ Apple จะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากของเหลว
ที่มา : Apple
วันที่ : 11/9/2562