iPad / iPad mini / iPad Pro / iPad Air ไอแพด 4 ซีรีส์ 4 สไตล์ ต่างกันอย่างไร? แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร? มาดูกัน
ภายในงาน Apple Event เมื่อคืนที่ผ่านมากับการเปิดตัว iPad 8 และ iPad Air 4 สอง iPad รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมการอัปเกรดฟีเจอร์ขึ้นจากเดิม ใครหลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า รุ่นไหนดีกว่ากัน ควรซื้อรุ่นไหนดี และนอกจาก 2 รุ่นใหม่นี้ก็ยังมีซีรีส์อื่นอีก อย่าง iPad mini และ iPad Pro
ในวันนี้ทางทีมงานจึงมาสรุปข้อมูล iPad ในซีรีส์ต่างๆ ได้แก่ iPad / iPad mini / iPad Pro / iPad Air ว่ามีจุดเด่น และแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงเหมาะกับใคร เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อ หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
iPad
iPad เป็นซีรีส์มาตรฐานในระดับกลาง ราคาประหยัด โดยเปิดตัวรุ่นแรกสุดในปี 2010 มีจุดเด่นเป็นประสิทธิภาพคล้ายคอมพิวเตอร์ กับหน้าจอขนาดใหญ่กำลังดีที่ 9 - 10 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่น) พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานเป็นได้ง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ คีย์บอร์ด และ Apple Pencil โดยรุ่นล่าสุดอย่าง iPad 8 เปิดราคาทางการในประเทศไทยเริ่มที่ 10,900 บาท ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงาน และเพื่อความบันเทิง หรือนำไปเรียน ไปทำงานได้แบบสบายๆ '
iPad mini
iPad mini เป็นรุ่นย่อส่วนกับขนาดที่กะทัดรัดยิ่งขึ้น ด้วยหน้าจอขนาดประมาณ 7.9 นิ้ว ที่พกพาได้ง่ายขึ้น และยังคงประสิทธิภาพความแรงไว้เช่นเดิม พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง คีย์บอร์ด และ Apple Pencil ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานในหลายที่ โดยเฉพาะตำแหน่งฝ่ายขาย ที่ต้องเดินทางไปพบลูกค้าในสถานที่ต่างๆ หรือนักเรียน นักศึกษา ก็สามารถพกไปเรียนได้อย่างสะดวกสบาย โดยรุ่นล่าสุดเปิดตัวในปี 2019 ที่ผ่านมากับราคาเริ่มที่ 13,900 บาท
iPad Pro
เป็นซีรีส์ท็อปสุดของ iPad โดยมากับขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุด พร้อมฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์จัดเต็มทุกด้าน และมีการดีไซน์พรีเมียม รองรับการทำงานแบบหนักๆ ที่ต้องใช้การประมวลผล และทรัพยากรระดับสูงได้ อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ตตัวแรงที่ออกแบบเพื่อ iPad Pro โดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ได้เห็นชิปตัวนี้ใน iPad ซีรีส์อื่น หรือแม้แต้ iPhone ก็ตาม และแน่นอนว่าราคาของ iPad Pro จะแพงที่สุดในบรรดา 4 ซีรีส์ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความไฮเอนด์ ความแรงที่สุด และมีงบประมาณไม่จำกัด โดยรุ่นล่าสุดเป็น iPad Pro 4 (12.9 นิ้ว) กับราคาเริ่มที่ 34,900 บาท
iPad Air
เป็นซีรีส์รองท็อป ที่มีขนาดใหญ่กว่า iPad ซีรีส์มาตรฐานเล็กน้อย แต่มีน้ำหนักเบากว่า พร้อมกับใช้ชิปเซ็ตตัวแรงกว่า จึงสามารถพกพาติดตัวไปทำงานได้สะดวกกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย และใช้งานแทนโน็ตบุ๊กที่มีน้ำหนักมากกว่า โดยรุ่นล่าสุดอย่าง iPad Air 4 ยังได้ใช้ชิปเซ็ต Apple A14 ก่อน iPhone 12 อีกด้วย กับราคาเริ่มที่ 19,900 บาท
จากข้อมูลทั้งหมด ทางทีมงานคิดว่าท่านผู้อ่านน่าจะได้ข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อมากขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทั้งนี้ทางทีมงานขอแนะนำว่าให้ลองไปจับถือ และทดลองใช้งานในเบื้องต้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจริง เพื่อให้ได้ iPad รุ่นที่ตรงใจ และตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 16/9/2563


