เจาะลึก Kirin 970 ชิปเซ็ต Mobile AI ยอดอัจฉริยะจาก Huawei เมื่อสมาร์ทโฟนจะไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ฉลาดล้ำเกินคาดคิด!
หากกล่าวถึงอุปกรณ์สำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของมนุษย์บนโลกใบนี้ไปได้อย่างสิ้นเชิง หนึ่งในอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเหล่านั้นจะต้องมีชื่อของ "สมาร์ทโฟน" รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะสมาร์ทโฟนเติบโตมาจากนวัตกรรมเครื่องมือสื่อสารแบบไร้สายที่เรียกว่า "มือถือ" ซึ่งในยุคบุกเบิกนั้น มือถือทั่วไปยังทำได้เพียงแค่การโทรออก-รับสาย แต่ความสามารถต่างๆ ก็ถูกพัฒนาเพิ่มเข้ามา พร้อมกับเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี จนทำให้มือถือกลายเป็น "สมาร์ทโฟน" ที่มีความสามารถในการใช้งานได้แทบจะทุกอย่าง และกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกแซงหน้าคอมพิวเตอร์ไปแล้ว
ล่าสุด นวัตกรรมบนสมาร์ทโฟนกำลังจะก้าวไปอีกขั้นด้วยการมาของชิปเซ็ตประมวลผลเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของ Huawei ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ในงาน IFA 2017 นามว่า Kirin 970 ที่ได้พัฒนาระบบ Mobile AI ฝังลงไปในชิปเซ็ตเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนให้ก้าวล้ำ และเป็นการเปิดประตูสู่โลกอนาคตของสมาร์ทโฟนที่เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ (Intelligent Machine) อย่างแท้จริง โดยในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกจุดเด่น และความน่าสนใจของชิปเซ็ต Kirin 970 กันว่า ชิปเซ็ตรุ่นใหม่นี้มีความสามารถอย่างไร และจะพลิกโฉมการใช้งานไปในรูปแบบใดบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับชิปเซ็ต Kirin 970 กันเลยครับ
Huawei เปิดตัวชิปเซ็ต Kirin 970 กับเทคโนโลยี AI เต็มรูปแบบ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ภายในงาน IFA 2017 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี บริษัทสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรอย่าง Huawei ได้ทำการเปิดตัวชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Kirin 970 ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องการพัฒนาระบบ Mobile AI (Mobile Artificial Intelligence) ฝังไว้ในชิปเซ็ตเป็นรุ่นแรก เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพ และเฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยี Mobile AI จะเป็นการใช้งานเทคโนโลยี AI แบบ Cloud AI + On-Device AI ร่วมกันเพื่อให้ระบบทั้งสองมีการทำงานที่สอดรับกันอย่างลงตัว และเกิดเป็นการใช้งานรูปแบบใหม่ที่สมาร์ทโฟนสามารถมอบการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้ทันท่วงที
Huawei Kirin 970 เร็วแรงกว่าเดิมแค่ไหน?
เปรียบเทียบคุณสมบัติของชิปเซ็ต Kirin 970 กับชิปเซ็ต Kirin รุ่นก่อนหน้านี้
ชิปเซ็ต Huawei Kirin 970 ทำงานด้วยหน่วยประมวลผล (CPU) ซึ่งประกอบไปด้วยซีพียู Quad-Core Cortex-A73 ความเร็ว 2.4 GHz กับซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.8 GHz และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G72 MP12 ที่มีจำนวนแกนประมวลผลมากถึง 12 แกน (12-Core) ภายใต้สถาปัตยกรรมการผลิตแบบ 10nm FinFET ที่สามารถรวมวงจรกว่า 5.5 พันล้านวงจรมาอยู่ในชิปสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาด 1x1 ตร.ซม. ได้ นอกจากนี้ ความพิเศษของชิปเซ็ต Kirin 970 ก็คือ การเพิ่มหน่วยประมวลผลพิเศษในชื่อ Neural Processing Unit (NPU) ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลคำสั่งสูงถึง 1.92 TFLOPs (teraFLOPS) หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการสร้างระบบประสาทให้กับมันสมอง (ชิปเซ็ต) เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งนาย Richard Yu ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Huawei Consumer Business Group ได้กล่าวในงานเปิดตัวว่า การเพิ่มระบบประมวลผล NPU เข้ามาในชิปเซ็ต Kirin 970 ส่งผลให้สมรรถนะการประมวลผลเพิ่มสูงขึ้นอีก 25 เท่า และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงถึง 50 เท่า เลยทีเดียว ดังนั้น ชิปเซ็ต Kirin 970 จึงมีความเร็วแรงในระดับที่สูงกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้าด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ ชิปเซ็ต Kirin 970 ยังมาพร้อมกับโมเด็ม 4.5G LTE Cat 18 ซึ่งรองรับความเร็วอินเทอร์เน็ตในการใช้งานระดับสูงถึง 1.2Gbps ซึ่งนับว่าเร็วกว่าชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 และ Samsung Exynos 8895 ที่ยังใช้งานโมเด็ม LTE Cat 16 ซึ่งมีความเร็วสูงสุดที่ 1Gbps
นอกจากความเร็วแรงในส่วนการประมวลผล และประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ชิปเซ็ต Kirin 970 ก็ยังเสริมประสิทธิในเรื่องการถ่ายภาพด้วยเช่นเดียวกัน โดยชิปเซ็ต Kirin 970 มาพร้อมกับ หน่วยประมวลผลภาพ Advanced Dual ISP ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพถึง 4 แบบ (4-Hybrid) คือ Laser Focus, Depth Focus, Contrast Focus และ PDAF ซึ่งทำให้ตัวกล้องสามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วฉับไวในทุกๆ จังหวะ อีกทั้งตัว 4-Hybrid Focus ยังช่วยในเรื่องของ Motion Shooting ที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้ทันที รวมไปถึงการถ่ายภาพในที่แสงน้อย (Low-light) ก็มีการลด Noise และจับแสงได้มากขึ้นด้วย ส่วนในเรื่องการถ่ายวิดีโอ ตัวชิปเซ็ต Kirin 970 ก็เพิ่มขีดความสามารถด้วยเช่นกัน โดยสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้ถึงระดับ 4K Ultra HD และการเข้ารหัส หรือถอดรหัสแบบ H.265, H.264 ฯลฯ รวมไปถึงการใช้งานสีแบบ 10-bit color (HDR10) ด้วย
Huawei Kirin 970 จะพลิกโฉมโลกของสมาร์ทโฟนอย่างไร (บทวิเคราะห์จากทีมงาน)
รูปตัวเครื่องของ Huawei Mate 10 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 16 ตุลาคม นี้
อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า ชิปเซ็ต Huawei Kirin 970 จะใช้งานเทคโนโลยี Cloud AI และ On-Device AI ร่วมกัน เพื่อพัฒนาการประมวลผลให้เร็วแรง และฉลาดเฉลียวมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น รูปแบบการใช้งาน หรือความสามารถที่ชิปเซ็ตรุ่นนี้ทำได้ ทาง Huawei ยังคงเก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะถึงงานเปิดตัว Huawei Mate 10 Series ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ซึ่งคาดว่าการใช้งานเบื้องต้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น การเปิดโหมดประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติเมื่อถึงช่วงเวลาที่ไม่มีการใช้งาน, การลบแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน หรือการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาชาร์จแบตเตอรี่ (หากชาร์จในเวลาเดิมติดต่อกัน) เป็นต้น นอกจากนี้ ระบบ Suggestions หรือการแนะนำการใช้งาน ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน หรือบริการต่างๆ โดยอิงพื้นฐานจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม การใช้งานข้างต้นเป็นเพียงการวิเคราะห์ข้อมูลจากทีมงานเท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก Huawei แต่อย่างใด ซึ่งก็นับว่าการพัฒนาระบบ Mobile AI ลงในชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 970 ครั้งนี้น่าจะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญที่อาจเปลี่ยนโลกการใช้สมาร์ทโฟนที่เราเคยรู้จักไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ และชิปเซ็ต Kirin 970 ใน Huawei Mate 10 Series จะมาพร้อมฟังก์ชันสุดล้ำ และความฉลาดของระบบอย่างไรบ้าง คงต้องคอยติดตามกันอย่างใกล้ชิดภายในงานเปิดตัว Huawei Mate 10 ในวันที่ 16 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ครับ
ที่มา : Huawei
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 4/10/2560