เปิดตัว Google Pixel 6 | 6 Pro อัปเกรดใหม่หมดจดด้วยชิป Google Tensor, กล้อง 3 ตัวพลัง AI อัจฉริยะ พร้อมอัปเดตนาน 5 ปี เคาะราคาเริ่ม 20,000 บาท
เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Google Pixel 6 และ Pixel 6 Pro สองสมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ที่คราวนี้มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ในเรื่องของสเปก และฟีเจอร์ที่ได้พลังจาก AI เข้ามาช่วยประมวลผลเพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น และฉลาดขึ้นกว่าที่เคย โดยจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราไปดูกันเลยครับ
ดีไซน์
สำหรับดีไซน์ของ Google Pixel 6 Series ได้รับการอัปเกรดเปลี่ยนแปลงไปจาก Pixel รุ่นอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง โดยมาพร้อมกับกระจกหน้าหลัง และขึ้นเฟรมด้วยอะลูมิเนียมปัดเงา ส่วนที่ด้านหลังวางกล้องในแถบโมดูลสีดำที่วางพาดขวางด้านบนของตัวเครื่อง พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นดีไซน์ที่ดูแปลกตาไปจากสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันพอสมควร
หน้าจอแสดงผล
ด้านหน้าจอแสดงผล Pixel 6 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ LTPO ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+ ครอบทับด้วยกระจก Gorila Glass Victus สุดแกร่ง ซึ่งข้อดีของหน้าจอ LTPO จะช่วยให้หน้าจอสามารถปรับค่า Refresh Rate ได้อย่างอิสระตั้งแต่ 10-120Hz เพื่อช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล และประหยัดการใช้พลังงาน
ขณะที่ Pixel 6 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Smooth Display ซึ่งเป็นการใช้ AI สำหรับปรับแต่งการแสดงผลให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ และประหยัดการใช้พลังงาน โดยที่ด้านล่างของหน้าจอทั้งสองรุ่นจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ
ฮาร์ดแวร์
ในส่วนของฮาร์ดแวร์เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาได้ดีพอสมควร เพราะคราวนี้ Google ไม่ใช้ชิปเซ็ตจาก Qualcomm แต่กลับพัฒนาชิปเซ็ตขึ้นมาเองในชื่อ Tensor ซึ่งทาง Google ระบุว่า มีประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ที่ดีกว่าชิปเซ็ตที่ใช้บน Pixel 5 (Snapdragon 765G) ถึง 80% และยังมีประสิทธิภาพ GPU ที่ดีกว่าถึง 370% เลยทีเดียว นอกจากนี้ Pixel 6 ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับชิป Titan M2 ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัย รวมถึงชิปเซ็ตประมวลผลภาพถ่าย (ISP) ที่พัฒนาขึ้นมาเองอีกด้วย
กล้องถ่ายภาพ
ด้านกล้องถ่ายภาพที่เป็นไฮไลท์เด่นของ Pixel มาโดยตลอด รอบนี้ Pixel 6 Series มาพร้อมกับกล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว รับแสงได้ดีขึ้นถึง 150% พร้อมกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีมุมมองในการรับภาพกว้าง 114 องศา และกล้อง Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่รองรับการซูมภาพ Optical 4 เท่า และซูมภาพได้ไกลแบบคมชัดระดับ 20 เท่า (Super Res zoom)
ด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพ มาพร้อมกับลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Magic Eraser ที่สามารถลบสิ่งที่ไม่ต้องการบนภาพถ่าย เช่น คนข้างหลัง ได้ในเวลาเพียงพริบตา รวมถึง Face Ublur ที่ใช้อัลกอริทึมสำหรับปรับแต่งใบหน้าให้มีความคมชัดในกรณีที่หลุดโฟกัส
ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์
อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นว่า Pixel 6 Series มีการนำ AI เข้ามาประมวลผลเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น โดยรอบนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ Live Translate ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลภาษาแบบออฟไลน์ ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถแปลได้ทั้งข้อความ และภาพ รองรับมากถึง 55 ภาษา รวมถึงระบบ Voice Type ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ด้วยเสียงได้อย่างแม่นยำกว่าที่เคย
สรุปสเปกเบื้องต้นของ Pixel 6
- หน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ พร้อมค่า Refresh Rate 90Hz
- ชิปเซ็ต Tensor ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.8GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-G78
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายในความจุ 128GB / 256GB
- แบตเตอรี่ขนาด 4614mAh
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 2 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- อัปเดตระบบความปลอดภัยนาน 5 ปี และอัปเดต Android นาน 3 ปี
สรุปสเปกเบื้องต้นของ Pixel 6 Pro
- หน้าจอแสดงผลแบบ LTPO OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+ พร้อมค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 120Hz
- ชิปเซ็ต Tensor ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.8GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-G78
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในความจุ 128GB / 256GB / 512GB
- แบตเตอรี่ขนาด 5003mAh
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล
- อัปเดตระบบความปลอดภัยนาน 5 ปี และอัปเดต Android นาน 3 ปี
ราคาวางจำหน่าย
Google Pixel 6 เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 20,000 บาท ขณะที่ Pixel 6 Pro เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 899 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 29,900 บาท เปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐแล้ววันนี้ ส่วนประเทศไทยอาจต้องมองหาเครื่องหิ้วจากร้านค้าที่วางใจได้กันต่อไปครับ
ที่มา : PhoneArena
วันที่ : 20/10/2564
