Face ID รุ่นใหม่ อาจสแกนหน้าตรวจสอบได้ลงลึกถึงหลอดเลือด แก้ไขปัญหาคนหน้าเหมือนปลดล็อกเข้าเครื่องได้
Apple ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้งานแบบ Biometric โดยเราจะเห็นได้จากนวัตกรรม Face ID ที่ใช้อยู่บน iPhone X มาจนถึง iPhone รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นการสแกนใบหน้าผู้ใช้งานแบบ 3 มิติ ผ่านการตรวจจับจุดต่างๆ บนใบหน้าด้วยชุดกล้องแบบ TrueDepth Camera ซึ่งส่งผลให้ปลอมแปลงได้ยาก แต่ทว่าจากการทดสอบของสื่อต่างๆ ประเทศครั้งก่อนๆ พบว่า ในบางครั้ง Face ID กลับไม่สามารถแยกใบหน้าของฝาแฝด หรือพี่น้องที่หน้าเหมือนกันได้ ทำให้คนที่ไม่ใช่ผู้ใชสามารถปลดล็อกเข้าใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังเคนถูกปลดล็อกได้ด้วยหน้ากากจำลองในราคาไม่กี่บาทมาแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า Apple จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ดี และเริ่มหาแนวทางแก้ไขแล้ว หลังล่าสุดมีการค้นพบสิทธิบัตรฉบับใหม่ของ Apple ซึ่งเพิ่งจะถูกเผยแพร่มาจากสำนักสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตัวสิทธิบัตรใช้ชื่อ “Vein Matching for difficult biometric authentication cases” ซึ่งใจความสำคัญอยู่ตรงที่ Apple จะใช้เทคโนโลยีในการตรวจจับหลอดเลือดบนใบหน้า เพื่อแยกแยะความแตกต่างของใบหน้าผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีดังกล่าวคือ แม้ว่าจะเป็นฝาแฝดที่ใบโครงหน้าคล้ายกัน แต่สำหรับแพทเทิร์นของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัของใบหน้าจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สำหรับกระบวนการทำงานของระบบยืนยันตัวตนใหม่ที่ทาง Apple คิดค้นมานั้น ตามรายงานระบุว่า ระบบจะทำการถ่ายภาพใบหน้าผู้ใช้งานแบบ Subepidermanl Images ที่เก็บข้อมูลได้ลงลึกถึงหลอดเลือด คล้ายกับการจำลองภาพใบหน้าผู้ใช้แบบ 3 มิติของระบบ Face ID ในปัจจุบัน จากนั้นจะใช้อัลกอริทึมเพื่อนำไปปเปรียบเทียบกับรูปแบบของใบหน้าที่ผู้ใช้ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งหากตรงกันก็จะอนุญาตให้ใช้งานได้
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานว่า Apple จะนำระบบดังกล่าวมาใช้งานกับอุปกรณ์ใดเป็นรุ่นแรก แต่หากระบบยืนยันตัวตนบนสมาร์ทโฟนมีความปลอดภัย และก้าวล้ำมากกว่าเดิม ก็ยิ่งทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการเก็บข้อมูลของผู้ใช้มีความปลอดภัยมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็คงต้องเอาใจช่วยกันต่อไปครับ
ที่มา : Apple Insider
วันที่ : 15/3/2562
