6 การตั้งค่ามือถือ Android แก้เครื่องอืดได้ทันตา มีอะไรบ้างมาดูกัน
แม้สมาร์ทโฟน Android จะมาพร้อมสเปกที่แรงระดับเรือธง แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกอืด ๆ ได้ ทั้งที่ฮาร์ดแวร์ไม่น่าจะเป็นปัญหา สาเหตุหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือการตั้งค่าภายในระบบที่เน้นประหยัดพลังงานหรือจัดการทรัพยากรแบบอัตโนมัติมากเกินไป เพราะฉะนั้น หากใครรู้สึกว่ามือถือตัวเองเริ่มอืดแปลก ๆ ลองเช็ก 7 การตั้งค่าเหล่านี้ดูครับ
1. ปิด Adaptive Battery
โหมด Adaptive Battery ออกแบบมาเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยจะเรียนรู้ว่าแอปไหนใช้บ่อย แอปไหนใช้ไม่บ่อย แล้วจำกัดการทำงานเบื้องหลังของแอปที่ไม่จำเป็น แต่ผลข้างเคียงคืออาจทำให้บางแอปโหลดช้าลง และแจ้งเตือนช้ากว่าปกติ ฟีเจอร์นี้สามารถปิดได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ไปที่ Settings > Battery > Battery saver > Adaptive Battery แล้วปิด Use Adaptive Battery
- สำหรับ Samsung: Settings > Battery > Background usage limits > Adaptive Battery
2. ปิด RAM Plus / RAM Boost
RAM Boost คือฟีเจอร์เพิ่ม RAM ให้ระบบ โดยจะแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลมาใช้เป็น RAM เสมือน แม้จะช่วยให้มือถือมี RAM มากขึ้น แต่ความจริงแล้วหน่วยความจำแบบนี้จะช้ากว่า RAM จริงมาก ทำให้สลับแอปช้า โหลดช้า และแอปอาจต้องรีเฟรชใหม่ หากมือถือที่ใช้อยู่มี RAM 8GB ขึ้นไป ฟีเจอร์นี้ก็ไม่จำเป็น แนะนำว่าให้ปิดไว้จะดีกว่า โดยสามารถเข้าไปปิดได้ตามนี้เลย
- มือถือ Samsung: Settings > Battery & Device care > Memory > RAM Plus
- แบรนด์อื่น: ค้นหา RAM Plus หรือ RAM Boost ใน Settings
3. ปรับแต่งความเร็วการประมวลผล
มือถือบางแบรนด์ เช่น Samsung จะสามารถปรับความเร็วในการประมวลผลได้ ปกติแล้วจะถูกตั้งไว้ที่โหมด Optimized เพื่อบาลานซ์ระหว่างความเร็วกับการประหยัดพลังงาน แต่ถ้าเล่นเกมหรือใช้แอปหนัก ๆ แล้วเครื่องอืด ลองเปลี่ยนเป็น High หรือ Maximum ได้ครับ
- มือถือ Samsung: Settings > Device care > Processing speed แล้วปรับเป็น High หรือ Maximum
4. จำกัดกิจกรรมของแอปในพื้นหลัง
บางแอปในเครื่อง แม้เราจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็อาจทำงานอยู่ในเบื้องหลังเพื่อซิงค์ข้อมูลอยู่ตลอด ซึ่งกินทั้งแบตและ RAM ลองเข้าไปดูว่าแอปไหนใช้พลังงานเยอะเกินเหตุ แล้วปิด Background activity ของแอปดังกล่าวทิ้ง หรือถ้าไม่ได้ใช้เลยจริง ๆ ก็ลบแอปทิ้งไปเลยดีกว่าครับ
การจำกัดแอปที่ทำงานในพื้นหลังจำเป็นต้องเปิดใช้ Developer options หรือตัวเลือกนักพัฒนาก่อน โดยไปที่ Settings > About > Software information > กด Build number 7 ครั้ง เมื่อเปิดใช้ Developer options แล้ว ให้เข้าไปตั้งค่าดังนี้
- มือถือ Samsung: ไปที่ Settings > Developer options > Background process limit แล้วเลือกจำกัดที่ 2-3 แอป หรือ No background processes (แนะนำเฉพาะบางกรณีเท่านั้น)
5. ปิด Auto-Sync
ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ต้องมีบัญชี ทั้ง Google, Microsoft, ไปจนถึงแอปโซเชียลต่าง ๆ และบัญชีเหล่านี้ก็จะพยายามซิงค์ข้อมูลทุกอย่างให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ หากเรามีบัญชีในเครื่องมากและมีการซิงค์พร้อมกันก็อาจทำให้เครื่องอืดลงได้ ดังนั้นถ้าแอปไหนไม่จำเป็นต้องอัปเดตตลอดเวลา ก็ควรปิดการซิงค์ไปบ้างจะดีกว่าครับ
- มือถือ Samsung: ไปที่ Settings > Accounts and backup > Manage accounts แล้วเลือกปิด Sync สำหรับบัญชีที่ไม่ค่อยได้ใช้
6. ปิดเอฟเฟกต์แอนิเมชั่น
แอนิเมชันเวลาสลับแอปหรือเปิดหน้าต่างใหม่ แม้จะดูสวยงามแต่ก็กินทรัพยากร โดยเฉพาะในมือถือรุ่นเก่าหรือราคาประหยัดที่ RAM น้อยและชิปไม่ได้แรงมาก การปิดแอนิเมชันจะทำให้เครื่องดูลื่นขึ้นอย่างชัดเจน โดยเราเข้าไปตั้งค่าได้ดังนี้:
- ไปที่ Settings > Developer options
- ปรับค่า Window animation scale, Transition animation scale, Animator duration scale เป็น .5x หรือ Off
แม้การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างจะไม่ได้แรงแบบข้ามรุ่น แต่เมื่อรวมกันแล้วจะช่วยให้มือถือ Android ของเราลื่นขึ้น และกินแบตน้อยลงพอสมควร นอกจากนี้ การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ และหมั่นลบแอปที่ไม่ได้ใช้งาน ก็ช่วยลดอาการหน่วงของมือถือได้เช่นกันครับ
ที่มา : MUO
วันที่ : 29/4/2568
