รวมมือถือ 5G กล้องดีที่สุดในโลก มีรุ่นเด่นจากแบรนด์ใดบ้าง มาดูกัน
เรียกได้ว่าการเชื่อมต่อ 5G กลายเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานใหม่ของมือถือยุคนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับความสามารถในการรับส่งข้อมูลความเร็วระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้สเปกด้านอื่นๆ ของมือถือ 5G ก็ได้รับการอัปเกรดไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการถ่ายภาพ
ในวันนี้ทางทีมงานจึงรวบรวมมือถือ 5G ที่มีกล้องดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของ DxOMark มาให้ได้ชมกัน (อัปเดตล่าสุด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2564) เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านที่สนใจ ซึ่งจะมีรุ่นใดบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ
HUAWEI Mate40 Pro+
มือถือ 5G ตัวท็อปใหม่ล่าสุดของทาง Huawei ที่อยู่ในอันดับ 1 ด้วยกล้องชุด 4 ตัวจากความร่วมมือกับ Leica ที่มีระบบกันสั่นแบบ OIS ในกล้องหลักเลนส์ Wide ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านการเก็บรายละเอียดของตัวกล้อง ไปจนถึงการจัดการ Noise ที่ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังทำคะแนนในด้านอื่นๆ ในระดับสูงเมื่อเทียบกับเรือธงรุ่นอื่่นๆ
สเปกกล้อง HUAWEI Mate40 Pro+
- กล้องตัวแรก Ultra Vision Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.28 เทคโนโลยี RYYB พร้อม Octa PD Autofocus ทางยาวโฟกัส 23 มม. มีรูรับแสงขนาด F/1.9 และรองรับระบบกันสั่นแบบ OIS
- กล้องตัวที่สอง SuperZoom Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัส 240 มม. มีรูรับแสงขนาด F/4.4 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS พร้อมการซูมแบบ 10x Optical Zoom
- กล้องตัวที่สาม Telephoto Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัส 70 มม. มีรูรับแสงขนาด F/2.4 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS พร้อมซูมแบบ 3x Optical Zoom
- กล้องตัวที่สี่ Ultra-Wide Camera ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์แบบ Free-from ทางยาวโฟกัส 14 มม. มีรูรับแสงขนาด F/2.4
- 3D Depth Sensing Camera
สำหรับ HUAWEI Mate40 Pro+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Kirin 9000 กับความเร็วสูงสุด 3.13GHz ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 5nm จับคู่ RAM LPDDR5 12GB + ROM 256GB มีแบตเตอรี่ความจุ 4400 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงสุด 50W Wireless HUAWEI SuperCharge มีหน้าจอ Flex OLED แบบไร้ขอบลงโค้งทั้งสองด้าน (edge-to-edge) รองรับค่า Refresh Rate สูงสุดที่ระดับ 90Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz ที่ช่วยให้การใช้งานต่างๆ ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้งานกล้อง Ultra-Wide ที่มีเลนส์แบบ Free-from สำหรับช่วยลดการบิดเบี้ยวของมุมภาพ สำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง และการถ่ายภาพ Portrait อีกด้วย
Xiaomi Mi 10 Ultra
เรือธงรุ่นพิเศษของทาง Xiaomi ที่ทาง DxoMark ระบุว่าทำผลงานด้านการถ่ายภาพนิ่งได้ดีในทุกการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็น การวัดแสง, การถ่ายทอดสีสัน, การวัด White Balance, การเก็บรายละเอียด ไปจนถึงการเก็บค่า Dynamic Range ที่กว้าง ทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดที่ซ่อยอยู่ตามส่วนที่สว่าง และที่มืดได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นการถ่ายภาพที่มีสภาพแสงค่อนข้างท้าทาย อีกทั้งด้านการซูมภาพ ถือว่าทำได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมาพร้อมกับระยะซูมที่ไกลถึง 120 มม. ซึ่งนับว่าไกลกว่าเรือธงคู่แข่งหลายต่อหลายรุ่น นอกจากนี้ Mi 10 Ultra ยังมีจุดเด่นด้านการถ่ายวิดีโอที่ค่อนข้างนิ่ง เก็บรายละเอียดได้ดีแม้จะเป็นการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยก็ตาม
สเปกกล้องของ Xiaomi Mi 10 Ultra
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง F/1.85 รองรับระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Super Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/4.1 รองรับการซูมแบบ Optical Zoom 10x และซูมสูงสุด Digital Zoom 120x
- กล้อง Portrait ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง F/1.85 รองรับการซูมแบบ Optical Zoom 2x
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างสุด 128 องศา มีรูรับแสง F/2.2
Xiaomi Mi 10 Ultra มาพร้อมกับสเปกระดับไฮเอนด์ครบครัน ชูโรงที่กล้องซูมไกลสุด 120 เท่า ใช้งานชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh จาก 0-100% ได้ในเวลา 23 นาที และหน้าจอ AMOLED ลงขอบโค้งขนาด 6.67 นิ้ว รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz มี RAM LPDDR5 ขนาดสูงสุด 16GB จับคู่ ROM มาตรฐาน UFS 3.1 ขนาดสูงสุด 512GB
Vivo X50 Pro+
สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปก่อนล่าสุด ที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพที่โดดเด่นด้าน Dynamic Rage ที่กว้างเป็นพิเศษ พร้อมการวัดแสงที่แม่นยำทั้งการถ่ายภาพ Indoor ไปจนถึงการถา่ยภาพในสภาวะแสงน้อย รวมถึงการเก็บรายละเอียด และการจัดการ Noise ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ Vivo X50 Pro+ ยังได้คำชมในเรื่องของการซูม ที่สามารถเก็บรายละเอียดการถ่ายภาพในระยะไกลได้เป็นอย่างดี สามารถซูมภาพที่อยู่ไกลจากผู้ถ่ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมการถ่ายวิดีโอที่ถ่ายทอดสีสันได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กับการถ่ายภาพนิ่ง
สเปกกล้องของ Vivo X50 Pro+
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ GN1 แบบ 7 ชิ้นเลนส์ รูรับแสงขนาด F/1.6 เทคโนโลยี 4-in-1
- กล้องตัวที่สองแบบ Super Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา และถ่ายภาพแบบ Macro ระยะใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร
- กล้องตัวที่สามแบบ Portrait ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.46
- กล้องตัวที่สี่แบบ Periscope Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/3.4 รองรับการซูมภาพแบบ Optical ได้ 5 เท่า (5x Optical Zoom) และซูมภาพสูงสุดที่ 60 เท่า (60x Hyper Zoom)
Vivo X50 Pro+ มาพร้อมหน้าจอขอบโค้งแบบ Dual Curved Flexible Screen ที่ทำมุมกับตัวเครื่อง 55 องศา จึงสามารถจับถือได้ถนัดมือ และมีกล้องหน้าฝังบนจอแบบ (In-Display Selfie) รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz รองรับเครือข่าย 5G ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snadpragon 865 จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB/12GB พร้อม ROM มาตรฐาน UFS 3.1 ความจุ 128GB/256GB สำหรับแบตเตอรี่ให้มาที่ 4350 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 4W Vivo FlashCharge ที่สามารถชาร์จจากระดับ 0-62% ได้ใน 30 นาที รวมถึงรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียง Hi-Fi CS43131
iPhone 12 Pro Max
ไอโฟนรุ่นท็อปสุดในปีนี้ มาพร้อมกล้องที่มีจุดเด่นด้านการวัดแสงที่แม่นยำ โดยเฉพาะกรถ่ายภาพ Portrait ไปจนถึงการถ่ายภาพในสภาวะแสงร้อย สามารถถ่ายทอดสีสันได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะการถ่ายภาพแบบ Indoor และมีระบบโฟกัสที่แม่นยำ และฉับไว รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยการใช้ประโยชน์จากกล้อง LiDAR Scanner ที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั่นเอง
สเปกกล้อง iPhone 12 Pro Max
- กล้องตัวที่หนึ่งเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 7 ชิ้นเลนส์ รองรับระบบ OIS เทคโนโลยี 100% Focus Pixel มีรูรับแสงขนาด F/1.6
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 5 ชิ้นเลนส์ ทางยาวโฟกัส 13mm ถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 6 ชิ้นเลนส์ ทางยาวโฟกัส 65mm รองรับระบบ OIS เทคโนโลยี 100% Focus มีรูรับแสงขนาด F/2.2 และรองรับการซูมภาพแบบ Optical สูงสุดที่ 2.5 เท่า (2.5x Optical Zoom)
- กล้องตัวที่สี่แบบ LiDAR Scanner สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น
iPhone 12 Pro Max มากับหน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้วตามลำดับ ถือว่ามีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ไอโฟนเคยมีมา พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ Ceramic Shield บนดีไซน์จอไร้ขอบพร้อมรอยบากสำหรับกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สำหรับตัวเครื่องผลิตจากวัสดุประเภทสแตนเลสสตีล และกระจก ซึ่งรันด้วยชิปเซ็ต Apple A14 Bionic รุ่นล่าสุด เทคโนโลยี 5nm รุ่นแรกของโลก บนตัวเครื่องป้องกันน้ำมาตรฐาน IP68
OPPO Find X2 Pro 5G
สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมในปีก่อนจากทาง OPPO ที่มาพร้อมกล้องทรงพลัง 3 ตัว ซึ่งทาง DxoMark ให้ความเห็นว่า มีจุดเด่นด้านการเก็บรายละเอียด และ Dynamic Range ที่กว้างแม้จะเป็นการถ่ายภาพที่มีสภาวะแสงที่แตกต่างกันสูง นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นด้านการถ่ายทอดสีสัน และการทำเอฟเฟกต์ Bokeh ที่เนียนตา สามารถไล่ละดับความชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ
สเปกกล้อง OPPO Find X2 Pro 5G
- กล้องตัวแรกแบบ Periscope Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/3.0 รองรับ OIS พร้อมการซูมแบบ 10x Hybrid Zoom และ 60x Digital Zoom
- กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 รูรับแสงขนาด F/2.2 ถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา และถ่ายภาพแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 3 เซนติเมตร
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX689 ขนาด 1/1.4 นิ้ว รูรับแสงขนาด F/1.7 รองรับเทคโนโลยี All Pixel Omni-Directional PDAF และระบบ OIS
OPPO Find X2 Pro 5G ชูโรงที่หน้าจอ Curved AMOLED Ultra Vision Screen คมชัดสูงถึงระดับ 3K QHD+ (3168x1440 พิกเซล) และมี Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมกับ Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz ที่รวมถึงรองรับมาตรฐานการแสดงผลสีแบบ 10-bit ซึ่งสามารถแสดงผลสีได้มากถึง 1 พันล้านสี รันด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 ที่รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G จับคู่กับ RAM ขนาด 12GB และ ROM ขนาดสูงสุด 512GB บนระบบปฏิบัติการ ColorOS 7.1 เวอร์ชันใหม่ ที่อยู่บนพื้น ฐานของ Android 10 พร้อมรองรับคุณสมบัติการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 รวมถึงรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 0-100% ได้ภายในเวลาเพียง 38 นาที
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G (Exynos)
เรือธงปี 2020 ของทาง Samsung ที่มาพร้อมกล้องหลังจัดเต็ม 4 ตัว โดยทาง DxOMark ให้ความเห็นว่า มีจุดเด่นด้านการวัดแสงที่แม่นยำ และ Dynamic Range ที่กว้างในการถ่ายภาพทุกสถานการณ์ รวมทั้งยังสามารถถ่ายทอดสีสันได้อย่างสดใส และสามารถจัดการ Noise เมื่อถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เป็นอย่างดี
สเปกกล้อง Samsung Galaxy S20 Ultra 5G
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมมุมรับภาพกว้าง 120 องศา
- กล้องตัวหลัก (Wide Angle) ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ ISCOCELL Bright HMX ขนาด 1/1.33 นิ้ว พร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.8, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และมุมรับภาพ 79 องศา
- กล้อง Telephoto แบบ Folded Lens ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/3.5, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และมุมรับภาพ 24 องศา
- กล้อง DepthVision (ToF)
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G รุ่น Exynos นั้นเป็นรุ่นเดียวกับที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีชิปเซ็ต Exynos 990 ประกบคู่ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB มีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W Super Fast Charging บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูที่ตรงกลาง รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 24/3/2564
