5 เหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อ iPhone SE 3 ตอนนี้
iPhone SE 3 หรือ iPhone SE (2022) คือ SE Series รุ่นล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น A15 Bionic และเพิ่มฟังก์ชันการรองรับ 5G นับเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลองใช้ iPhone ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 15,900 บาท แต่หากใครกำลังคิดจะซื้อ iPhone SE 3 อยู่ ขอให้หยุดคิดสักครู่แล้วลองอ่านบทความนี้ดูก่อน เพราะนี่คือ 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อ iPhone SE 3 ตอนนี้
1. ดีไซน์หลงเวลา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งแรกที่ทำให้หลายคนหมดความประทับใจใน iPhone SE คือดีไซน์ แม้ว่ามันจะไม่น่าเกลียด หรือถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ แล้วก็จัดว่าสวยทีเดียว เพียงแต่มันดู “ผิดที่ผิดทาง” สำหรับวงการสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เพราะดีไซน์ขอบหนา ด้านหน้ามีปุ่มโฮมแบบนี้ เป็นดีไซน์ที่เราไม่มีทางได้เห็นในปี 2022 แน่นอน แม้กระทั่งมือถือ Android ที่ราคาถูกที่สุดในตลาดยังเป็นดีไซน์ Fullscreen จอติ่ง สะท้อนให้เห็นว่าดีไซน์จอเต็มไม่ได้มีต้นทุนการผลิตที่แพงเลย ส่วนปุ่มโฮมที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วก็สามารถย้ายไปอยู่ด้านหลัง หรือด้านข้างได้ เรียกได้ว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้ดีไซน์แบบนี้ในปี 2022 อีกแล้ว
2. จอเล็กกว่า mini !
iPhone 13 mini ได้ชื่อว่าเป็นมือถือไซส์จิ๋วที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กที่สุด และเล็กกว่า iPhone SE 3 แต่อย่าให้ขนาดมาหลอกเอาได้ เพราะถึงแม้ว่า iPhone SE 3 จะมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า แต่กลับมีหน้าจอเล็กกว่า iPhone 13 mini โดยจอของ iPhone SE 3 มีขนาด 4.7 นิ้ว ในขณะที่จอของ iPhone 13 mini มีขนาด 5.4 นิ้ว เรียกได้ว่าต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะดีไซน์แบบคลาสสิคที่มีขอบบนและขอบล่างหนา ๆ มาแย่งพื้นที่หน้าจอไปนั่นเอง
3. ความจุเริ่มต้นแค่ 64GB
แอปพลิเคชันและเกมใหม่ ๆ เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หลายเกมมีขนาดเกิน 10GB ความจุ 64GB บนสมาร์ทโฟนจึงไม่เพียงพออีกต่อไป มาตรฐานความจุเริ่มต้นของมือถือยุคนี้จึงเริ่มจะขยับขึ้นมาเป็น 128GB รวมถึง iPhone 13 series ด้วย และคงจะไม่ต่ำไปกว่านี้แล้วสำหรับ iPhone รุ่นต่อ ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม iPhone SE 3 มีความจุเริ่มต้นที่ 64GB ถ้าชอบเล่นเกม หรือถ่ายรูป ถ่ายคลิป ไม่ช้าก็เร็วจะเจอกับปัญหาเม็มเต็มแน่นอน หรือถ้าจะซื้อรุ่นความจุ 256GB ในราคา 21,900 บาท ก็เพิ่มเงินอีกนิดไปซื้อ iPhone 13 mini ดีกว่าครับ
4. ฟีเจอร์กล้องสุดจืด
iPhone SE 3 มีกล้องหลังตัวเดียว ความละเอียด 12MP แน่นอนว่าจำนวนกล้องไม่ใช่ตัวกำหนดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถ่ายภาพสวยหรือไม่ แต่การมีกล้องแค่ตัวเดียวจะทำให้ขาดฟีเจอร์การถ่ายภาพบางอย่างไปแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปมุมกว้างแบบ Ultrawide, การซูมแบบ Optical, การถ่ายภาพแบบ Macro ไปจนถึงตัวช่วยวัดระยะชัดลึก ทำให้การถ่ายรูปไม่ค่อยหลากหลาย และที่แย่กว่านั้นคือ iPhone SE 3 ยังไม่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืน หรือ Night Mode ทำให้ประสบการณ์ในการถ่ายรูปด้วย iPhone SE 3 นั้นจืดชืดสุด ๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปเล่น iPhone SE ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแน่นอน
5. แบตหมดไวเกิ๊น!
iPhone SE 3 ได้รับการอัปเกรดความจุของแบตเตอรีให้มากขึ้นกว่ารุ่นก่อน 10% และยังได้รับอานิสงค์จากชิปเซ็ต A15 Bionic ที่ประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ iPhone SE 3 มีแบตที่อึดทัดเทียมกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว แบตเตอรีของ iPhone SE 3 กลับมีน้อยมาก แค่ประมาณ 2000mAh เท่านั้น แม้กระทั่ง iPhone 13 mini ที่ว่ากันว่าแบตหมดไว ยังมีความจุแบตเตอรี่เยอะกว่า (2438mAh) ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ iPhone SE 3 จริง ๆ ก็เตรียมแบตสำรองเอาไว้ได้เลยครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 14/8/2565