ส่อง 5 ฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 11 Series (ไอโฟน 11) ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟน Android OS มาก่อนแล้ว
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะสำหรับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่จากทาง Apple ทั้งสามรุ่น ได้แก่ iPhone 11 ไอโฟน 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่ได้รับการปรับโฉมดีไซน์ไปจากเดิมเล็กน้อย พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ให้ครอบคลุมการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
และสำหรับท่านที่ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android อาจจะมีความคุ้นเคยกับฟีเจอร์บางอย่างที่เพิ่มมาใหม่บน iPhone 11 ในวันนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปชม ฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 11 ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟน Android มาก่อนแล้ว ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันค่ะ
1. กล้องตัวหลักที่ด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera)
สำหรับท่านที่หมั่นติดตามข่าวสารในวงการสมาร์ทโฟนอยู่เป็นประจำก็จะทราบดีว่า สมาร์ทโฟน Android OS เริ่มอัปเกรดมาใช้งานกล้องถ่ายภาพที่ด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) มาตั้งแต่ในปี 2018 ที่ผ่านมา และกลายเป็น 1 ในฟีเจอร์มาตรฐานของสมาร์ทโฟน Android OS ในปัจจุบันไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรือธง รวมถึงสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ขยับมาใช้กล้องหลังถึง 4 ตัว (Quad Camera) แล้วเช่นกัน ซึ่งทาง Nokia ได้ล้ำหน้าไปกว่าใครด้วยกล้องหลัง 5 ตัว บนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Nokia 9 PureView ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา
2. เลนส์กว้างพิเศษแบบ Ultra-Wide
จากหัวข้อก่อนที่กล่าวไว้ว่าสมาร์ทโฟน Android OS ได้ใช้งานกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) มาตั้งแต่ประมาณ 1 ปีก่อน โดยกล้องที่เพิ่มเข้ามานั้นมักจะเป็นเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra-Wide Angle ที่สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้กว่า 100 องศา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพมุมกว้างได้โดยไม่ต้องเว้นระยะห่างจากวัตถุมาก ซึ่งในปี 2019 นี้ทาง Apple เพิ่งทำการอัปเกรดมาให้บน iPhone 11 Series ทั้งสามรุ่นนั้นเอง
และสำหรับกล้องหน้าของ iPhone 11 Series เองก็เพิ่งมีฟีเจอร์ถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ Wide-Angle ด้วยเช่นกัน
3. Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยเฉพาะ
iPhone 11 Series มากับฟีเจอร์ใหม่สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืนโดยเฉพาะอย่าง Night Mode ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับภาพ พร้อมคงความคมชัดไว้ และลดการเกิด Noise ซึ่งสมาร์ทโฟน Android OS จากหลายแบรนด์ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์นี้มาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะ Pixel จากทาง Google, Samsung, Huawei, OPPO และ Vivo ก็มีฟีเจอร์นี้ และไม่เฉพาะแต่สมาร์ทโฟรระดับเรือธงอย่างเดียว ในสมาร์ทโฟนระดับกลางบางรุ่นก็เริ่มรองรับแล้วด้วยเช่นกัน
4. ระบบเสียง Dolby Atmos แบบรอบทิศทาง
สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android OS อาจจะคุ้นเคยกับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงแบบรอบทิศทาง เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ หรือเล่นเกม และฟีเจอร์ดังกล่าวนี้เพิ่งรองรับบน iPhone 11 Series เป็นครั้งแรก โดยมากับลำโพงเสียงแบบ Spatial Audio ที่ช่วยให้เสียงมีความกระหึ่ม และสมจริงมากขึ้น
5. แถมอะแดปเตอร์ชาร์จไวมาให้ในแพ็กเกจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าในปี 2017 ทาง Apple ได้เปิดตัว iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงในชื่อ Power Delivery ของทางค่าย แต่จำเป็นจะต้องซื้ออะแดปเตอร์ชาร์จความเร็วสูงนี้ต่างหาก ซึ่งราคาจะแตกต่างไปตามกำลังวัตต์นั่นเอง
ล่าสุดนี้สำหรับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max สองรุ่นท็อป ได้มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 18 วัตต์ภายในแพ็กเกจแล้ว แต่สำหรับรุ่น iPhone 11 ยังไม่มีแถมมาให้ในแพ็กเกจ ซึ่งต้องทำการซื้อแยกต่างหากในราคา 1,190 บาท
อย่างไรก็ดี ข้อมูลข้างต้นไม่ได้สื่อว่าท่านไม่ควรเลือกซื้อ iPhone 11 Series ทั้งสามรุ่นใหม่นี้ เนื่องจากผู้ใช้แต่ละคนมีความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่แตกต่างกัน หากพบสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีฟีเจอร์ตอบโจทย์การใช้งานของท่าน รวมถึงมีดีไซน์ที่สวยงามถูกใจ และอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone เอง หรือสมาร์ทโฟนฝั่ง Android OS ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่เงินที่เสียไปแล้วค่ะ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใช้งานแต่ละท่าน สำหรับวันนี้ทีมงานต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 13/9/2562