กำลังถูกถามถึงกันมากในช่วงนี้ สำหรับสมาร์ทโฟนตระกูล Samsung Galaxy A รุ่นปี 2017 ซึ่ง A-Series ถือเป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของแบรนด์ Samsung ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ Galaxy A รุ่นบุกเบิกยุคแรกในช่วงปี 2015 และยุคที่สองในช่วงปี 2016 จนเข้ามาสู่ยุคที่สามในปี 2017 นี้ก็ยังได้รับความสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม แต่คำถามสำคัญก็คือ Samsung Galaxy A 2017 มีความแตกต่าง หรือดีขึ้นกว่า Galaxy A 2016 อย่างไร และมากแค่ไหน? ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติ หรือฟีเจอร์ จากสื่อต่างๆ มาเปรียบเทียบกันได้ไม่ยาก แต่นั่นก็เป็นแค่ข้อมูลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วยังมีข้อมูลเบื้องลึกที่น่าสนใจอีกหลายอย่างที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับ Galaxy A 2017 นี้

ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อมูล และคำตอบที่กระจ่างชัดมากที่สุด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Samsung จึงได้เชิญบรรดาสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อด้านไอที รวมถึงเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราเอง เข้าร่วมสัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A 2017 ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Galaxy A3 (2017), Galaxy A5 (2017) และ Galaxy A7 (2017) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมถึงส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลเชิงลึกของสมาร์ทโฟน Galaxy A รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2017 ทั้ง 3 รุ่นนี้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานของฟีเจอร์เด่นต่างๆ บน Galaxy A 2017 ให้เห็นกันแบบจะจะว่าจะโดดเด่นสมราคาหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าทีมงานของเราก็ได้เก็บข้อมูลที่น่าสนใจ และรูปภาพบางส่วนของกิจกรรมวันดังกล่าวมาฝากทุกท่านกันครับ

วันนี้มาไม่ผิดงานแน่นอน Samsung Galaxy A รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2017 กำลังรอเราอยู่ที่นี่แล้ว! โดยทางผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของ Samsung ได้ออกมานำเสนอข้อมูลของ Galaxy A 2017 ด้วยตัวเองเลยทีเดียว

3 คอนเซ็ปต์หลักๆ ของ Galaxy A 2017 ก็คือ อยู่ได้ในทุกที่, ถ่ายได้ทุกรูปแบบ และมีเทคโนโลยีขั้นสุด


อยู่ได้ในทุกที่คืออะไร? คำตอบก็คือ Galaxy A 2017 สามารถอยู่ได้ทั้งบนบก และในน้ำนั่นเอง ด้วยตัวเครื่องที่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวท็อปอย่าง Samsung Galaxy S7 หรือ Galaxy S7 edge หรือว่ากันง่ายๆ คือสามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที นั่นเอง นับเป็นครั้งแรกที่ Samsung นำคุณสมบัตินี้มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A

เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้ตัวเครื่องของ Galaxy A 2017 สามารถป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้ นั้นประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน ส่วนแรกคือซีลยางป้องกันน้ำที่ช่อง USB Type-C, ช่องหูฟัง, ถาดใส่ซิมการ์ด และถาดใส่การ์ดหน่วยความจำ ส่วนที่สองคือการเคลือบกอร์เท็กซ์ (Gore-Tex) ที่บริเวณไมโครโฟน, ลำโพงเสียง และตัวรับสัญญาณ ซึ่งการเคลือบด้วยกอร์เท็กซ์นั้นช่วยให้มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำเข้า ในขณะที่อากาศ และความชื้นยังคงไหลผ่านได้ ส่วนที่สามคือดีไซน์แบบไม่มีฝาปิด จึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าจะลืมปิดฝา หรือปิดไม่สนิท และส่วนสุดท้ายคือระบบแจ้งเตือนอันตรายก่อนการการเชื่อมต่อสายชาร์จ กรณีที่พบว่ามีน้ำเข้าที่ช่อง USB Type-C

สำหรับดีไซน์ของ Galaxy A 2017 ยังคงเป็นแบบ Metal-Glass เช่นเดียวกับ Galaxy A 2016 แต่มีความแตกต่างตรงที่กระจกด้านหลังตัวเครื่องของ Galaxy A 2017 นั้นเป็นกระจกขอบโค้งแบบ 3D คล้ายกับรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S7 ในขณะที่ Galaxy A 2016 รุ่นเดิมเป็นเพียงกระจกขอบนูนแบบ 2.5D ดังนั้นจึงช่วยให้ Galaxy A 2017 ดูสวยพรีเมียมมากยิ่งขึ้น


นอกจากกระจกขอบโค้งด้านหลังแบบ 3D Glass จะช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความสวยงามพรีเมียมมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การจับถือกระชับมือมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่พัฒนาขึ้นก็คือขอบของกล้องดิจิทัล โดยก่อนหน้านี้ Galaxy A 2015 มีขอบของกล้องดิจิทัลที่นูนขึ้นมาถึง 1.3 มิลลิเมตร ส่วน Galaxy A 2016 มีขอบกล้องดิจิทัลที่นูนขึ้นน้อยลงเหลืออยู่ที่ 0.7 มิลลิเมตร แต่ล่าสุดกับ Galaxy A 2017 นั้นไม่เหลือขอบของกล้องดิจิทัลนูนขึ้นมาอีกต่อไป เรียกว่าเมื่อวางกับพื้นราบแล้วมีความเรียบสนิทเสมอกัน ดูสวยงามมากขึ้น ไม่ยกตัวสูงขึ้นมาเหมือนเช่นเคย

Galaxy A 2017 นั้นได้นำเซ็นเซอร์ Gyroscope มาติดตั้งไว้ภายใน และประยุกต์ใช้กับฟีเจอร์บางอย่าง เช่นการเปลี่ยนสีของภาพพื้นหลังตามการเคลื่อนไหว

ก่อนหน้านี้ใน Galaxy A 2016 ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นความละเอียดของกล้องด้านหน้ามากนัก ด้วยความละเอียดเพียงแค่ 5 ล้านพิกเซล จึงอาจจะยังขัดใจขาเซลฟี่อยู่บ้าง แต่พอมาถึงรุ่น Galaxy A 2017 ใหม่ล่าสุดนี้ เรียกว่าเอาใจคอเซลฟี่พันธุ์แท้แบบเต็มๆ ด้วยกล้องดิจิทัลด้านหน้าที่มีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ f/1.9 ซึ่งเป็นความละเอียดที่เท่ากันกับกล้องดิจิทัลด้านหลังเลยทีเดียว ว่ากันง่ายๆ ก็คือไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า หรือกล้องด้านหลัง ก็คมชัดไม่แพ้กัน

สำหรับสเปกกล้องของ Galaxy A5 (2017) และ Galaxy Galaxy A7 (2017) นั้นจะเหมือนกันทุกประการ คือมีกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และรูรับแสงที่กว้างระดับ f/1.9 กับกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบคงที่ (Fixed Focus) และรูรับแสงที่กว้างระดับ f/1.9 แต่สำหรับรุ่นเล็กอย่าง Galaxy A3 (2017) นั้นจะมีความละเอียดที่น้อยกว่า คือมีกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f/1.9) และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/1.9)

กล้องดิจิทัลของ Galaxy A 2017 นอกจากจะมีความละเอียดที่มากขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมกับส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) เวอร์ชันใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้สะดวกกว่าเดิม โดยเมื่อสไลด์นิ้วขึ้นด้านบนจะเป็นการเข้าสู่โหมดถ่ายภาพเซลฟี่, เมื่อสไลด์นิ้วไปทางด้านซ้ายจะเป็นการเลือกโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ และเมื่อสไลด์นิ้วไปทางด้านขวาจะเป็นการเลือกเอฟเฟกต์แบบต่างๆ

ฟิลเตอร์ถ่ายภาพที่มาพร้อมกับ Galaxy A 2017 นั้นประกอบไปด้วยฟิลเตอร์พื้นฐานทั้งหมด 8 ฟิลเตอร์, ฟิลเตอร์หน้าสวยทั้งหมด 8 ฟิลเตอร์ และโหมดถ่ายภาพอาหาร (Food Mode) ที่ใช้งานร่วมกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง

เดิมทีการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องด้านหน้าอาจจะติดปัญหาเรื่องความมืดของใบหน้า แต่พอมาใน Galaxy A 2017 ปัญหาดังกล่าวน่าจะหมดไป ด้วยฟังก์ชัน Selfie Flash ซึ่งใช้แสงไฟจากหน้าจอแสดงผล มาช่วยให้ใบหน้าดูสว่างชัดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องถ่ายเซลฟี่ในที่มืด หรือในที่แสงน้อย

คงทราบกันดีว่าการกดปุ่มชัดเตอร์เพื่อถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยมือข้างเดียวนั้นค่อนข้างลำบากเอาการ เนื่องจากไอคอนของปุ่มชัตเตอร์มักจะอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ยาก ดังนั้นใน Galaxy A 2017 จึงได้เพิ่มฟังก์ชันย้ายตำแหน่งปุ่มชัดเตอร์เข้ามาให้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มชัตเตอร์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมตามตำแหน่งที่ตนเองถนัด


มีรูปแบบของคำสั่งเพื่อการถ่ายภาพที่หลากหลาย ทั้งสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง, สั่งถ่ายภาพด้วยการกดปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, สั่งถ่ายภาพด้วยการสัมผัสบนหน้าจอ และสั่งถ่ายภาพด้วยการยกมือ

มีการนำฟังก์ชันถ่ายภาพดีๆ จากรุ่นเรือธงตัวท็อปมาใส่ไว้ด้วยเช่นกัน ทั้ง Hyperlapse (เฉพาะ A5 และ A7), GIF และ Food Mode (เฉพาะกล้องด้านหลัง)

อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ของ Galaxy A 2017 ก็คือแอปพลิเคชัน Secure Folder ซึ่งใช้งานเป็นพื้นที่ส่วนตัว และเปรียบเสมือนเราพกสมาร์ทโฟน 2 เครื่องในเครื่องเดียวกัน โดยในโฟลเดอร์ปลอดภัยที่แยกออกมานั้นสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งรูปภาพ, วิดีโอ และไฟล์ประเภทอื่นๆ และที่สำคัญก็คือสามารถใช้งาน LINE ได้ 2 แอคเคานท์พร้อมๆ กัน ส่วนการเข้าถึง Secure Folder นี้จะถูกตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รหัสผ่าน (PIN) หรือรูปแบบการวาดเส้น (Pattern)

ขั้นตอนของการนำข้อมูลออกจาก Secure Folder คือเข้าไปยังแอปพลิเคชัน Secure Folder แล้วไปยังข้อมูลที่ต้องการย้าย จากนั้นให้กดค้างเพื่อเลือกข้อมูล แล้วกดปุ่มเมนู และเลือกคำสั่ง Move Out of Secure Folder

รองรับการใช้บริการ Samsung Pay ผ่านทั้งเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) และ MST (Magnetic Secure Transmission) โดยสามารถใช้งานร่วมกับบัตรเครดิต และ Galaxy Gift Card ได้ เรียกว่าไม่ต้องพกบัตรเครดิตให้หนักกระเป๋าอีกต่อไป

Galaxy A 2017 นั้นออกแบบให้มีการเชื่อมต่อที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเปลี่ยนช่องเชื่อมต่อจาก microUSB มาเป็นช่องเชื่อมต่อสำหรับสมาร์ทโฟนยุคใหม่อย่าง USB Type-C ซึ่งสามารถสลับด้านของหัวต่อได้อย่างอิสระ

มีฟังก์ชัน Blue Light Filter สำหรับลดแสงสีฟ้า เพื่อช่วยถนอมสายตาขณะใช้งานในที่มืด

มีฟังก์ชัน Always-On Display เช่นเดียวกับเรือธงตัวท็อปอย่าง Galaxy S7 จึงสามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ได้แม้ในขณะที่ล็อกหน้าจอ เช่นนาฬิกา, ปฏิทิน, การแจ้งเตือน หรือเครื่องเล่นเพลง และสามารถเปิดได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เนื่องจากใช้พลังงานน้อยมาก

สำหรับ Galaxy A5 (2017) และ Galaxy A7 (2017) นั้นสามารถใส่ทั้ง 2 ซิมการ์ด และใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้พร้อมๆ กันทั้ง 3 การ์ด ซึ่งนับว่าสะดวกต่อการใช้งาน แต่สำหรับ Galaxy A3 (2017) จะเป็นถาดแบบ Hybrid Tray ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สองต้องเลือกใส่ระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ไม่สามารถใส่พร้อมๆ กันได้ ส่วนการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ที่นำมาใส่นั้น สามารถรองรับได้ที่ความจุสูงสุดขนาด 256 GB

Galaxy A7 (2017) นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,600 mAh ส่วน Galaxy A5 (2017) นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ซึ่งถือว่าเป็นความจุที่มากกว่ารุ่นปี 2016 และรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงทั้งคู่ (Fast Charging) แต่ในด้านของ Galaxy A3 ซึ่งมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2,350 mAh นั้นไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง

มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Samsung Notes สำหรับการจดบันทึกด้วยการวาด หรือพิมพ์ข้อความ รวมถึงมีแอปพลิเคชันวิทยุ FM ให้ใช้งาน

สรุปแล้ว จากรายละเอียดต่างๆ ข้างต้น ก็จะเห็นได้ว่า Galaxy A 2017 นั้นมีความสามารถครบ 3 คอนเซ็ปต์ ตามที่ Samsung ได้โปรโมตไว้ แบบไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด คืออยู่ได้ในทุกที่, ถ่ายได้ทุกรูปแบบ และมีเทคโนโลยีขั้นสุด

หากไม่นับในเรื่องขนาดของหน้าจอ ก็จะพบว่าคุณสมบัติเด่นของ Galaxy A7 (2017) และ Galaxy A5 (2017) นั้นเหมือนกันทุกประการ ตั้งแต่กล้องหน้า-หลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9, หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Full HD, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 32 GB, รองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256 GB, เทคโนโลยีการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68, แอปพลิเคชัน Secure Folder, รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Fast Charging) และใช้ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C

สำหรับในปี 2017 นี้ ทาง Samsung ได้นำ Galaxy A มาวางจำหน่ายในไทยทั้ง 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่นใหญ่ ลงไปถึงรุ่นเล็ก ได้แก่ Galaxy A7 (2017) กับจอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว, Galaxy A5 (2017) กับจอแสดงผลขชนาด 5.2 นิ้ว และ Galaxy A3 (2017) กับจอแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว (ในปี 2016 ที่ผ่านมา มีนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเพียง 2 รุ่น คือ Galaxy A7 และ Galaxy A7) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น


Galaxy A7 (2017) ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ ดำ (Black Sky), ทอง (Gold Sand) และ ฟ้า (Blue Mist) ส่วนรุ่น Galaxy A5 (2017) กับ Galaxy A3 (2017) นั้นมีให้เลือกแค่ 2 สี ได้แก่ ดำ (Black Sky) และ ทอง (Gold Sand) โดย Galaxy A7 (2017) มีราคาอยู่ที่ 16,490 บาท, Galaxy A5 (2017) มีราคาอยู่ที่ 14,490 บาท และ Galaxy A3 (2017) มีราคาอยู่ที่ 11,900 บาท

พิเศษสำหรับรุ่น Galaxy A7 (2017) และ Galaxy A5 (2017) คือผู้ซื้อจะได้รับเงินคือ 1,500 บาท ผ่านทาง Galaxy Gift Card ซึ่งแถมมาให้ในกล่อง โดยจะได้รับเงิน 1,500 บาทคืน เมื่อเปิดใช้งานบัตร ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Gift ดังนั้นก็เหมือนกับได้ส่วนลดค่าเครื่องไปแบบฟรีๆ 1,500 บาท นั่นเอง

สำหรับบัตร Galaxy Gift Card ว่ากันง่ายๆ ก็เหมือนกับบัตรเครดิต MasterCard ใบหนึ่งนั่นเอง โดยสามารถใช้งานบัตรเงินสด เพื่อใช้รูดจ่ายได้ทุกที่ ณ ร้านค้าที่รับบัตร MasterCard และแน่นอนว่าสามารถเพิ่มบัตร Galaxy Gift Card นี้ลงในแอปพลิเคชัน Samsung Pay ได้ทันที พร้อมรับบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF Cinema ฟรี 1 ใบอีกต่างหาก

สิทธิพิเศษอย่างที่สองนอกจากบัตร Galaxy Gift Card ก็คือ รับสิทธิ์เปลี่ยนจอฟรีภายใน 1 ปี มูลค่ากว่า 4,500 บาท ผ่านศูนย์บริการ Samsung ทั้ง 42 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรับสิทธิ์ได้ทั้ง Galaxy A3 (2017), Galaxy A5 (2017) และ Galaxy A7 (2017)

เพื่อให้บรรดาสื่อมวลชนได้ทดสอบความสามารถของ Galaxy A 2017 กันอย่างเต็มที่ ทาง Samsung จึงได้จัดกิจกรรมพิชิตภารกิจต่างๆ ด้วยฟีเจอร์เด่นของ Galaxy A 2017 ทั้งในเรื่องของการถ่ายภาพ, การป้องกันน้ำ, ระบบความปลอดภัย และอื่นๆ

ตัวอย่างภารกิจการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้องด้านหน้าที่มีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9

งานนี้ต้องทำงานกันเป็นทีม ซึ่งผู้ร่วมทีมของเราต่างก็ผ่านการใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ มาอย่างโชกโชน จึงสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของ Galaxy A 2017 ได้อย่างคล่องแคล่ว

ภารกิจต่างๆ ถูกส่งเข้ามาผ่านกลุ่มลับในแอปพลิเคชัน LINE (LINE แอคเคานท์ที่สอง) ซึ่งอยู่ภายใน Secure Folder และต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อยืนยันตัวตน ดังนั้นก็เหมือนกับได้ทดสอบฟังก์ชันต่างๆ ของ Secure Folder ไปในตัว


ภารกิจทดสอบความสามารถของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ด้วยการถ่ายภาพเซลฟี่ท่ามกลางสายฝนจำลอง


ภารกิจทดสอบความสามารถของกล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9 ด้วยการถ่ายภาพเซลฟี่ในห้องมืด ซึ่งภาพเซลฟี่ที่ได้ออกมาในที่มืดๆ แบบนี้ก็นับว่าสว่างชัดเจนเกินคาดเลยทีเดียว

คุณวราภรณ์ ลิขิตจรรยากุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส ธุรกิจโทรคมนาคม และไอที บริษัทไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ มาต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนด้วยตนเอง พร้อมประกาศผลคะแนนของทีมต่างๆ หลังเสร็จสิ้นภารกิจทดสอบ Galaxy A 2017 ซึ่งผลงานของแต่ละทีมนั้นเรียกได้ว่าสวยงาม, มีความสร้างสรรค์ และน่าประทับใจไม่แพ้กัน

ณ วันเดียวกัน ทาง Samsung (ประเทศไทย) ก็ถือโอกาสนี้จัดงานปีใหม่ต้อนรับปี 2017 เพื่อเป็นการขอบคุณบรรดาสื่อมวลชนในปีที่ผ่านมา โดยงานนี้ทางคุณวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัทไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ ก็ได้มาร่วมทักทายบรรดาสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง และหวังว่า Galaxy A 2017 รวมถึงสมาร์ทโฟนของ Samsung รุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2017 นี้ จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานในประเทศไทยยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่น้อยหน้าในปีที่ผ่านๆ มา

สรุปแล้วหลังจากที่ทีมงานของเราได้ร่วมสัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy A 2017 ในวันดังกล่าว ก็ทำให้ได้ทราบว่า Galaxy A 2017 นั้นมีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นปี 2016 อย่างชัดเจน ตั้งแต่ตัวเครื่องที่ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68, หน่วยประมวลผลที่เร็วเแรงขึ้น, หน่วยความจำที่มากขึ้น, แบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้น, ระบบปฏิบัติการสดใหม่กว่า, กล้องถ่ายภาพที่ละเอียดคมชัดมากขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลัง, ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C และดีไซน์ Metal-Glass แบบใหม่ที่ดูสวยพรีเมียมมากขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะยังมาพร้อมกับโปรโมชั่นรับเงินคืน 1,500 บาท พร้อมโปรโมชั่นเปลี่ยนจอฟรี 1 ปี มูลค่า 4,500 บาท และฟรีบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF Cinema เรียกได้ว่าได้คุ้มเพิ่มกันอีกถึง 3 ต่อ โดย Samsung Galaxy A 2017 ทั้ง 3 รุ่นนี้ ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา หากท่านใดสนใจก็ลองแวะไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Samsung Brand Shop หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย สุดท้ายนี้ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ก็ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy A 2017
- รีวิว (Review) Samsung Galaxy A5 (2017)
- สรุปโปรโมชั่น Samsung Galaxy A 2017
- เปรียบเทียบ Samsung Galaxy A5, A7 (2017) กับ Galaxy A5, A7 (2016)
- สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy A7 (2017)
- สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy A5 (2017)
- สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy A3 (2017)
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 25/1/60
|