
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบทีมงาน Thaimobilecenter กับการพรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดกันอีกครั้งนะครับ หลายท่านที่ติดตามข่าวสารของ Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ iPhone ที่โด่งดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีผู้สนใจมากที่สุดหนึ่งคงจะทราบกันแล้วว่า ในวันนี้ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Apple เริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศไทยในวันนี้ (21 ตุลาคม 2559) เป็นวันแรก โดยจะวางจำหน่ายผ่านทาง Apple Online Store และเครือข่ายผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าเมื่อสมาร์ทโฟนสุดฮิตเช่นนี้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทีมงาน Thaimobilecenter ก็ไม่รอช้ารีบจับจองเป็นเจ้าของ iPhone 7 Plus ทันที แล้วก็ได้ตัวเครื่อง iPhone 7 Plus มาใช้งานอย่างที่ต้องการ เราจึงเก็บภาพ และทดสอบการใช้งานตัวเครื่องเบื้องต้นเล็กน้อยเพื่อมาทำการพรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน พร้อมเจาะ 7 ฟีเจอร์เด็ดที่ iPhone 7 Plus มีดีกว่า iPhone 6s Plus อดีตเรือธงรุ่นก่อนหน้าอีกด้วย หากทุกท่านพร้อมแล้วขอเชิญติดตามชม พรีวิว (Preview) แกะกล่อง iPhone 7 Plus ไปพร้อมกันได้เลยครับ
แกะกล่อง iPhone 7 Plus พร้อมชมรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์

อุปกรณ์ทั้งหมดที่ทีมงานได้มาในวันนี้ คือ iPhone 7 Plus รุ่นความจุ 256GB, เคสหนังของ iPhone 7 Plus จาก Apple, Apple Watch Series 2 พร้อมสาย Woven Nylon และ Sport Band

iPhone 7 Plus เครื่องนี้เป็นสี Black (ดำด้าน) ส่วนเคสหนังนั้นเป็นสี Storm Gray จะออกโทนเทาเข้มเล็กน้อย

เมื่อแกะกล่อง iPhone 7 Plus ออกมาแล้วก็จะพบกับตัวเครื่องที่วางอยู่อย่างสวยงามตามแบบฉบับของ Apple พร้อมคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ด้านในจะมีหูฟังแบบใหม่ที่ใช้การเชื่อมต่อกับ Lightning Port, สายชาร์จ, อะแดปเตอร์ และตัวแปลงสัญญาณจาก Lightning Port เป็นช่องเชื่อมต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตร

ตัวเครื่อง iPhone 7 Plus มีขนาด 158.2x77.9x7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 188 กรัม ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody (กรอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน : 7000 Series Aluminum), ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ที่ระดับ IP67 (ภายในมาตรฐาน IEC 60529) และมาพร้อมกับ จอแสดงผลแบบ Retina HD Display LED-Backlit (IPS) ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi)

ด้านหน้าส่วนบนประกอบด้วย กล้องดิจิทัล FaceTime HD ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 7 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI), ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.2 พร้อมฟังก์ชัน Retina Flash และลำโพงสำหรับการสนทนา

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มโฮม และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) แบบ Taptic Engine

ด้านซ้ายประกอบด้วย ปุ่ม เปิด-ปิด เสียง (หรือล็อกการหมุนของหน้าจอ) และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านขวาประกอบด้วย ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM

ด้านล่างประกอบด้วย ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่องเชื่อมต่อแบบ Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือการถ่ายโอนข้อมูล และลำโพงเสียงของตัวเครื่อง

ด้านหลังประกอบด้วย กล้องดิจิทัลแบบ Dual Lens Camera ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล, ใช้เลนส์ Wide-Angle (f/1.8) และเลนส์ Telephoto (f/2.8), เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI), ซูมภาพด้วยเลนส์ได้ 2 ระดับ (2x Optical Zoom), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization) พร้อมการทำงานแบบอัตโนมัติ และไฟแฟลชในตัว (Quad-LED True Tone) พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับสูงสุดที่ 4K Ultra HD

เมื่อนำ iPhone 7 Plus มาเทียบกับ iPhone 6s Plus อดีตเรือธงรุ่นก่อนหน้าจะเห็นได้ว่า หากมองจากด้านหน้านั้นจะแยกทั้งสองรุ่นออกจากกันค่อนข้างยาก เพราะ iPhone 7 Plus ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์แบบ Major Change จะมีเพียงแค่การปรับเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

แต่ถ้าหากพิจารณาจากด้านหลังจะทราบได้ทันที เพราะ iPhone 7 Plus ใช้งานกล้องคู่ (Dual-Camera) ขณะที่ iPhone 6s Plus ใช้งานกล้องแบบเดี่ยวเท่านั้น รวมไปถึงตำแหน่งของเส้นเสาอากาศก็ถูกปรับด้วยเช่นกัน




ส่วนบริเวณโดยรอบตัวเครื่อง iPhone 7 Plus ยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สังเกตเห็นได้ชัดอีกจุดหนึ่งก็คือ iPhone 7 Plus จะไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร แต่จะใช้หูฟังแบบใหม่ที่เชื่อมต่อกับ Lightning Port แทน


มาดูกันที่เคสหนังจาก Apple ในสี Storm Gray กันบ้าง สำหรับรูปร่าง และวัสดุที่ใช้ยังคงความหรูหราพรีเมียม และให้สัมผัสหนังแท้ที่อ่อนนุ่มตามฉบับของ Apple เช่นเคย


ตัวเคสโดยรอบจะคลุมปุ่มสั่งการต่างๆ ไว้อย่างมิดชิด ยกเว้นปุ่ม เปิด-ปิด เสียง ที่จะเว้นช่องว่างไว้ และด้านล่างจะเปิดโล่งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวก



แน่นอนว่า iPhone 7 Plus มีกล้องหลังที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง หากใครใช้งานแบบไม่ใส่เคส ก็อาจมีสิทธิ์ที่จะทำให้เลนส์กล้องเกิดความเสียหาย หรือเกิดรอยขีดข่วนได้ แต่สำหรับเคสหนังชิ้นนี้ ตัวเคสจะนูนออกมามากกว่ากล้องด้านหลัง ทำให้เวลาวาง iPhone 7 Plus แบบหงาย เลนส์กล้องก็จะไม่สัมผัสกับพื้นผิวจนเกิดรอยสึกหรอแต่อย่างใด
เจาะ 7 สิ่งใหม่ที่ทำให้ iPhone 7 Plus ดีกว่า iPhone 6s Plus
กล้องดิจิทัล iSight แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

แน่นอนว่าฟีเจอร์พระเอกที่ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของ iPhone 7 Plus คงหนีไม่พ้น กล้องดิจิทัล iSight แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เพราะ iPhone 7 Plus ถือเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่ใช้งานกล้องแบบคู่ที่ใช้งานเลนส์รับภาพสองชนิด คือ เลนส์มุมกว้าง (Wide) และเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto) และยังใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพอัจฉริยะใหม่ล่าสุด, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, ใช้โครงสร้าง 6 ชิ้นเลนส์ และไฟแฟลชสี่ดวง (Quad-LED) ซึ่งสามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม และมีระบบคำนวณค่าแสงตามสภาพจริง ที่ช่วยให้ภาพถ่ายมีสีสันของภาพที่เที่ยงตรง และใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด รวมไปถึงระบบ Optical Zoom ที่สามารถซูมภาพด้วยฮาร์ดแวร์ได้ 2 เท่า และสามารถซูมด้วยซอฟต์แวร์ได้ถึง 10 เท่าอีกด้วย
ฟีเจอร์ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดที่เหล่าแฟนพันธุ์แท้ไอโฟนทุกคนรอคอย นั่นก็คือ ฟีเจอร์ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งก็ถือว่า iPhone 7 Plus เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับฟีเจอร์นี้เช่นเดียวกัน โดย iPhone 7 Plus สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างเต็มรูปแบบ และสามารถกันน้ำกระเซ็น รวมถึงสามารถกันน้ำได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นระยะเวลาต่อเนื่องไม่เกิน 30 นาที แต่ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำสะอาด อย่างเช่น น้ำทะเล, น้ำเกลือ, น้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด, น้ำสกปรก หรือน้ำที่มีสารเคมีเจือปน เป็นต้น
ปุ่มโฮมแบบใหม่ที่ใช้ระบบ Taptic Engine

iPhone 7 Plus เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้งานปุ่มโฮมแบบใหม่ที่ไม่ใช่ Hard-Key แต่ใช้งานระบบสัมผัส Taptic Engine ซึ่งเป็นระบบเดียวกับ 3D Touch ที่แยกแยะน้ำหนักในการกดนั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้น่าจะถูกใจกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่อยากให้ปุ่มโฮมพังเร็วเนื่องจากการกดบ่อยๆ
ชิปเซ็ต Apple A10 ที่เร็ว และแรงที่สุดในขณะนี้
 
iPhone 7 เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล 64-bit Quad-Core Apple A10 Fusion ที่มีประสิทธิภาพเร็วแรงกว่า Apple A9 ถึง 40% พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกที่พัฒนาให้กีขึ้นกว่า Apple A9 และประมวลผลได้เร็วกว่าเดิมถึง 50% ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ iPhone 7 Plus ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark แล้ว ทำคะแนนได้ 178,531 คะแนน และทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 ทำคะแนนได้ 3,399 คะแนน และ 5,431 คะแนน ในส่วนของ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ
หน้าจอที่สว่างสดใสมากขึ้น พร้อมแสดงสีสันอย่างเที่ยงตรงกว่าเดิม

หน้าจอของ iPhone 7 Plus ได้ถูกพัฒนาให้แสดงผลได้ดียิ่งขึ้น ด้วยจอแสดงผลแบบ Retina HD Display LED-Backlit (IPS) ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) ซึ่งมีความสว่างเพิ่มมากขึ้นถึง 25% และแสดงสีสันได้กว้างมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ Wide Color Gomut พร้อมทั้งฟีเจอร์สุดล้ำที่ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนสะดวกมากยิ่งขึ้นอย่าง 3D Touch ที่สามารถแยกแยะแรงกดแบบ หนัก-เบา ได้ทุกส่วนบนหน้าจอ
ลำโพงคู่สเตอริโอ (Stereo) ที่มีพลังเสียงดี และดังกว่าเดิม

สิ่งหนึ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน iPhone 7 Plus และเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ ลำโพงคู่สเตอริโอ (Stereo) ที่ไม่ได้ขับเสียงจากด้านล่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ลำโพงที่ใช้การในสนทนาโทรศัพท์ก็เป็นลำโพงอีกตัวหนึ่งที่เปล่งเสียงออกมาด้วย ซึ่งทิศทางของเสียงที่ถูกส่งออกมาจะตรงกับใบหน้าของผู้ใช้ ทำให้รูปแบบเสียงจาก iPhone 7 Plus เป็นรูปแบบสเตอริโอ หรือรอบทิศทางนั่นเอง
สีสันตัวเครื่องแบบใหม่กับสี Black และ Jet Black


iPhone 7 Plus มาพร้อมกับสีใหม่ถึง 2 สี นั่นก็คือ สีดำด้าน (Black) และสีดำเงา (Jet Black) ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองสีนี้ก็คือ สีดำด้านจะมีพื้นผิวสัมผัสที่คล้ายกับตัวเครื่องไอโฟนทั่วๆ ไป และไม่เกิดรอยนิ้วมือมากนัก แต่สีดำเงาจะมีพื้นผิวที่มันเงา เวลาสัมผัสจะเกิดรอยนิ้วมือทุกครั้ง ทำให้อาจต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องดิจิทัล iSight แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ของ iPhone 7 Plus







ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดปกติ


ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมด HDR (ภาพบน - ปิด, ภาพล่าง - เปิด)


ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมด HDR (ภาพบน - ปิด, ภาพล่าง - เปิด)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการ พรีวิว (Preview) แกะกล่อง iPhone 7 Plus พร้อมเจาะ 7 ฟีเจอร์ใหม่ จะเห็นได้ว่า iPhone 7 Plus มาพร้อมกับการพัฒนาตัวเครื่องทั้งฟีเจอร์ และคุณสมบัติตัวเครื่องในเกือบทุกด้าน แม้ว่าดีไซน์ภายนอกจะมีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย จนทำให้ดูเผินๆ แล้วไม่แตกต่างจาก iPhone 6s Plus อดีตเรือธงรุ่นก่อนหน้ามากนักก็ตาม เพราะคาดว่า Apple จะเก็บการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบ Major Change ไว้ใช้กับไอโฟนที่จะเปิดตัวในปี 2017 เพราะเป็นช่วงเวลาที่ครบรอบ 10 ปี สำหรับผลิตภัณฑ์ไอโฟนนับตั้งแต่เปิดตัวมาด้วย

สำหรับท่านใดที่สนใจ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ก็สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา หรือซื้อตัวเครื่องพร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต และส่วนลดค่าเครื่องแบบจัดเต็มได้ที่เครือข่ายผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ โดย iPhone 7 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 26,500 บาท ส่วน iPhone 7 Plus มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 31,500 บาท และสำหรับการรีวิว iPhone 7 Plus ฉบับเต็มนั้นจะตามมาในเร็วๆ นี้ สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องโดยละเอียดของ iPhone 7 Plus
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องโดยละเอียดของ iPhone 6s Plus
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 21/10/59
|