ตั้งแต่ไอโฟน (iPhone) รุ่นแรกถือกำเนิดในปี ค.ศ. 2007 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมที่เรียกว่า iPhone ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเทคโนโลยีในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการสมาร์ทโฟน ต่อไปนี้เราจะมาดูการวิวัฒนาการของ iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง และเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ส่งผลกับวงการสมาร์ทโฟนทั่วโลก และผู้ใช้งานอย่างไร
รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์

iPhone (1st Generation)
มีการวิวัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับด้านรูปลักษณ์ภายนอก โดย iPhone (1st Generation) รุ่นแรกนั้นมาพร้อมกับการดีไซน์ที่ดูล้ำสมัยในยุคนั้น ด้านหน้าจะมีขอบโลหะสีเงิน ด้านหลังออกแบบลักษณะทูโทน ท่อนบนจะเป็นสีเงิน ท่อนล่างสีดำ พร้อมกับโลโก้ Apple ด้านหลังอย่างชัดเจน และปุ่มโฮมที่เป็นเอกลักษณ์ก็มาพร้อมกับ iPhone รุ่นแรกนั่นเอง

iPhone 3G

iPhone 3GS
ส่วนรุ่นถัดมาคือ iPhone 3G และ iPhone 3GS ซึ่งในรูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกันมากนัก ยังคงโลโก้ Apple ด้านหน้ายังคงขอบสีเงินด้านข้างไว้ไม่ต่างจาก iPhone รุ่นแรก ปุ่มโฮมยังคงไว้ลักษณะแบบเดิม สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือด้านหลังจะเป็นพลาสติกที่สามารถเลือกสีได้ 2 สี คือ สีดำและสีขาว จะมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า iPhone รวมถึงเขียนระบุความจุไว้ด้วย

iPhone 4

iPhone 4S
ต่อมาคือรุ่น iPhone 4 และ iPhone 4S ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้านการดีไซน์มากพอสมควร ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงเป็นลักษณะวงกลมและมีสัญลักษณ์ + - สลักอยู่ ตัวเครื่องมีความบางมากขึ้น ดูทันสมัยมากขึ้น ด้านหลังใช้วัสดุกระจกเป็นส่วนประกอบสำคัญ ขอบเงินด้านหน้าถูกถอดออกไป เปลี่ยนเป็นขอบเงินด้านข้างรอบตัวเครื่องแทน และมีสีให้เลือกใช้งาน 2 สีเช่นเดิม คือสีดำและสีขาว

iPhone 5

iPhone 5S
พอถึงคราว iPhone 5 และ iPhone 5S การออกแบบก็ถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง การใช้สีแบบทูโทนถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในสองรุ่นนี้ และการใช้สีแบบเมทัลลิกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสองรุ่นนี้เช่นกัน อีกทั้งยังบางลงมากกว่าเดิม ช่องสำหรับใส่หูฟังย้ายลงมาอยู่ด้านล่าง ตัวเครื่องมีความยาวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะขนาดหน้าจอที่กว้างขึ้นนั่นเอง อีกทั้งยังเปลี่ยนช่องชาร์จให้มีขนาดเล็กลงเพื่อรองรับกับสายชาร์จ lighting โดย iPhone 5 และ 5S จะมีจุดแตกต่างอยู่ที่ ปุ่มโฮม ซึ่ง iPhone 5 จะใช้ปุ่มโฮมแบบเดิม ส่วน iPhone 5S ปุ่มโฮมแบบ Touch ID สแกนลายนิ้วมือได้ และยังคงสีไว้เช่นเดิมคือสีขาวและสีดำ ส่วนสีทองจะมีในรุ่น iPhone 5S

iPhone 5C
ส่วน iPhone 5C ถึงแม้จะเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 5S แต่จะมีความแตกต่างออกไปจากรุ่นอื่นๆ โดยฝาหลังเป็นพลาสติก ซึ่งมีให้เลือกใช้งานถึง 5 สี ด้วยกัน คือ สีชมพู สีขาว สีฟ้า สีเขียว และสีเหลือง โลโก้ Apple เปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีดำ ปุ่มโฮมยังใช้งานแบบธรรมดา

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
พอถึงรุ่นใหม่ล่าสุด ณ ปัจจุบันอย่าง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รูปลักษณ์ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง ปุ่มโฮมเป็นแบบ Touch ID สแกนลายนิ้วมือได้ ด้านหลังใช้สีแบบเมทัลลิกทั้งหมด มีเส้นอยู่ด้านหลัง ทั้งด้านบนและด้านล่าง มีทั้งสีดำ สีเงิน และสีทอง และตัวเครื่องยังมีความบางมากยิ่งขึ้น ปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียงจะแตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง ไม่ใช่แบบวงกลมอีกต่อไป
หน้าจอแสดงผล

iPhone รุ่นแรก รวมถึง iPhone 3G และ 3GS จะใช้ขนาดหน้าจอความกว้างเท่ากันคือ 3.5 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 320 x 480 pixels เท่ากันเช่นกัน ส่วน iPhone 4 และ 4S ยังคงขนาดหน้าจอเท่าเดิมที่ 3.5 นิ้ว แต่ความละเอียดหน้าจอมากขึ้นเป็น 640 x 960 pixels ซึ่ง Retina Display ก็ถูกเริ่มใช้งานที่ iPhone 4 เป็นต้นมา
จนกระทั่งมีความเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าจอในรุ่น iPhone 5, 5S และ 5C ที่เริ่มใช้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 4 นิ้ว ความละเอียดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีค่าความละเอียดที่ 640 x 1136 pixels และขนาดหน้าจอก็มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีกในยุคของ iPhone 6 และ 6 Plus ซึ่ง iPhone 6 มีขนาดหน้าจอกว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 750 x 1334 pixels และ iPhone 6 Plus มีขนาดหน้าจอกว้างถึง 5.5 นิ้ว ความละเอียดแบบ Full HD 1080 x 1920 pixels
กล้องถ่ายภาพ

ใน iPhone รุ่นแรกและ iPhone 3G นั้น กล้องหลังมีความละเอียดที่ 2 MP ไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้ และยังไม่มีกล้องหน้า ส่วน iPhone 3GS นั้นกล้องหลังความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 3.15 MP มีระบบออโต้โฟกัสเพิ่มขึ้นมา สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 480p แต่ยังไม่มีแฟลช และยังคงไม่มีกล้องหน้าเช่นกัน
เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในยุคของ iPhone 4 และ 4S ซึ่ง iPhone 4 นั้นความละเอียดกล้องหลังเพิ่มเป็น 5 MP สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 720p ส่วน iPhone 4S ความละเอียดของกล้องหลังเปลี่ยนเป็น 8 MP ถ่ายวิดีโอได้แบบ Full HD 1080p ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีทั้งระบบออโต้โฟกัสและไฟแฟลช LED แล้ว ส่วนกล้องหน้าของทั้งสองรุ่นนั้นมีความละเอียดระดับ VGA สามารถใช้ FaceTime และ วิดีโอคอลล์ได้
ส่วนในรุ่น iPhone 5, 5S และ 5C นั้น ใช้กล้องที่มีความละเอียดเท่ากันคือ 8MP ถ่ายวิดีโอความละเอียดแบบ Full HD 1080p ส่วนกล้องหน้าของทั้งสามรุ่นก็มีความละเอียดเท่ากันคือ 1.2 MP ใช้ FaceTime และวิดีโอคอลล์ได้เช่นกัน และ iPhone 5S เป็นรุ่นที่เริ่มต้นกับการใช้ไฟแฟลช LED และรูรับแสง f/2.2 แบบคู่ ส่วน iPhone 5 และ 5C ยังคงไฟแฟลช LED แบบเดิม
สุดท้ายในรุ่นของ iPhone 6 และ 6 Plus ความละเอียดกล้องหลักด้านหลังนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม ยังคงความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 8MP รูรับแสงขนาด f/2.2 เหมือน iPhone 5S แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือระบบออโต้โฟกัสต่อเนื่องสำหรับการถ่ายวิดีโอ และ iPhone 6 Plus ที่เริ่มใช้ระบบกันสั่นแบบ OIS ด้วย ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 1.2 MP คงเดิม
หน่วยความจำภายใน (Internal Storage) และหน่วยความจำแรม (RAM)
โดย iPhone รุ่นแรกนั้นมีหน่วยความจำให้เลือก 3 แบบ คือ 4/8/16 GB ต่อมาที่รุ่น 3G มีให้เลือก 8/16 GB ส่วน iPhone 3GS ,4 และ 5C มีให้เลือกเหมือนกันคือ 8/16/32 GB iPhone 4S มีหน่วยความจำให้เลือกมากที่สุดถึง 4 แบบด้วยกันคือ 8/16/32/64 GB และ iPhone 5 และ 5S มีความจุแบบ 16/32/64 GB สุดท้ายคือ iPhone 6 และ 6 Plus 16/64/128 GB
ส่วน RAM นั้น iPhone รุ่นแรกและรุ่น 3G จะมี RAM อยู่ที่ 128 MB ตามด้วย 3GS ที่ RAM เปลี่ยนเป็น 256 MB ต่อเนื่องด้วย iPhone 4 และ 4S RAM มีค่าอยู่ที่ 512 MB และ iPhone 5, 5S, 5C, 6 และ 6 Plus RAM เพิ่มขึ้นเป็น 1GB
ระบบปฏิบัติการ

iPhone รุ่นแรกนั้น มาพร้อมกับ iOS 1.0 สามารถอัพเกรดได้สูงสุดถึง iOS 3.1.3 ถัดมาที่ iPhone 3G ใช้งาน iOS 2.0 อัพเกรดได้สูงสุดที่ iOS 4.2.1 ต่อมา iPhone 3GS ใช้งาน iOS 3.0 อัพเกรดได้ถึง 6.1.6 ส่วน iPhone 4 นั้น มาพร้อมกับ iOS4.0 สามารถอัพเกรดได้ถึง iOS 7.1.2 และ iPhone 4S ใช้งาน iOS 5.0 ส่วน iPhone 5 นั้น มาพร้อมด้วย iOS 6.0 ต่อที่ iPhone 5S และ 5C ใช้งาน iOS 7.0 สุดท้ายที่ iPhone 6 และ 6 Plus มาพร้อมกับ iOS 8.0 และตั้งแต่ iPhone 4S เป็นต้นมา สามารถอัพเกรดได้ถึง iOS 8.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด
หน่วยประมวลผล

จะเริ่มกันที่ iPhone รุ่นแรก, 3G และ 3GS ซึ่งจะจะใช้หน่วยประมวลผลแบบ Single Core ความเร็ว 620/620/833 GHz ถัดมาที่ iPhone 4 นั้น ยังคงใช้ระบบประมวลผลแบบ Single Core ความเร็ว 1 GHz ต่อด้วย iPhone 4S มีความเปลี่ยนแปลงคือเริ่มหันมาใช้ Dual Core และใช้ชิป A5 ส่วน iPhone 5 และ 5C นั้นใช้ หน่วยประมวลผลเหมือนกันคือชิป A6 Dual Core ความเร็ว 1.3 GHz และ iPhone 5S นั้น ยังคงความเร็วเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนชิปเป็น A7 สุดท้าย iPhone 6 และ 6 Plus ใช้หน่วยประมวลผล A8 Dual Core ความเร็ว 1.4 GHz เหมือนกัน โดย iPhone 5S เป็นรุ่นแรกที่เริ่มใช้สถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต และต่อเนื่องมาถึง iPhone 6 และ 6 Plus
แบตเตอรี่
ในด้านของแบตเตอรี่นั้น ในแต่ละรุ่นของ iPhone นั้น อาจจะมีความจุที่แตกต่างกันออกไป แต่มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ การที่ iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบันไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้นั้นเอง ถือว่าเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างเช่นกัน โดย iPhone รุ่นแรกมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 1,400 mAh รุ่น 3G มีความจุ 1,150 mAh รุ่น 3GS มีความจุที่ 1,219 mAh iPhone 4 มีความจุ 1,420 mAh และรุ่น 4S มีความจุใกล้เคียงกันที่ 1,432 mAh ถัดมาที่ iPhone 5, 5C และ 5S มีความจุเรียงตามลำดับ 1,440/1,510/1,560 mAh ต่อมา iPhone 6 มีความจุที่ 1,810 mAh ส่วนรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่สูงสุดต้องยกให้รุ่น 6 Plus ซึ่งมีความจุอยู่ที่ 2,915 mAh
ราคาเปิดตัว

ในด้านราคาเปิดตัวนั้นจะขอเริ่มที่ iPhone 3GS เพราะว่าเป็น iPhone รุ่นแรกที่ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย ซึ่งมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 17,900 บาท ถัดมาที่ iPhone 4 ซึ่งมีราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 22,250 บาท ตามด้วย iPhone 4S มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 24,500 บาท ต่อที่ iPhone 5 เปิดตัวที่ราคา 22,900 บาท และ iPhone 5C 19,900 บาท ต่อมา iPhone 5S 24,500 บาท และสองรุ่นล่าสุดกับ iPhone 6 ซึ่งเปิดตัวที่ราคา 24,900 บาท และ iPhone 6 Plus เปิดตัวที่ 28,900 บาท
เรียกได้ว่า iPhone นั้นมีวิวัฒนาการที่ยาวนานกว่า 8 ปี ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมแล้วมีอยู่กว่า 10 รุ่นด้วยกัน แต่ละรุ่นที่เปิดตัวออกมาล้วนแต่มีกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอด ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านรูปลักษณ์ภายนอก, การออกแบบดีไซน์, การประมวลผล, กล้องถ่ายภาพ, ระบบซอฟต์แวร์ รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานให้มากที่สุด บทความนี้ก็เหมือนเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของ iPhone ที่ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่พลิกโฉมของวงการเทคโนโลยีติดต่อสื่อสารในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
และล่าสุดก็มีข้อมูลของ iPhone รุ่นถัดไปหลุดออกมาบ้างแล้ว ทั้ง iPhone 6S หรือแม้กระทั่ง iPhone 7 ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า โฉมหน้า กับฟีเจอร์ที่แท้จริงของ iPhone 6S กับ iPhone 7 จะใกล้เคียงกับข่าวลือมากน้อยขนาดไหน เรียกได้ว่าเรื่องเกี่ยวกับ iPhone มีอะไรให้ติดตามกันตลอดไม่เว้นแต่ละวันครับ
นำเสนอ บทความมือถือน่ารู้ โดย : Thaimobilecenter.com
วันที่ : 12/5/58
|