ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม บทความโทรศัพท์มือถือน่าสนใจ >> เจาะลึกทีเด็ด 17 วิธีประหยัดแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้สมาร์ทโฟนของคุณ มีชีวิตรอดได้ครบวัน


เจาะลึกทีเด็ด 17 วิธีประหยัดแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้สมาร์ทโฟนของคุณ มีชีวิตรอดได้ครบวัน


อาการที่แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเกิดหมดตอนอยู่นอกสถานที่อย่างไม่คาดฝัน รวมถึงความต้องการที่จะยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น นับเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของใครหลายคน เนื่องในโอกาสนี้เราขอนำเสนอบทความดีๆ เกี่ยวกับเทคนิคในการยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ออกไปให้ยาวนานที่สุด ซึ่งเทคนิคที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้เป็นสากล สามารถนำไปใช้ได้กับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นแอนดรอยด์ , iOS , Windows Phone รวมทั้ง BlackBerry ซึ่งบางเทคนิคที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้ อาจทำให้ความสามารถในการทำงานของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตลดลง เพื่อแลกกับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ดังนั้นการที่จะหยิบเทคนิคไหนไปใช้ ก็ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ถ้าหากว่าพร้อมแล้ว เรามาลุยกันเลยครับ

 

1. ปิดระบบสั่น

ระบบสั่นของสมาร์ทดีไวซ์ที่ทำงานโดยการใช้มอเตอร์ตัวเล็กๆ หมุนลูกตุ้มน้ำหนัก เพื่อสร้างให้เกิดแรงสั่นสะเทือน นั้นนับเป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว (การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นกินแบตเตอรี่ไม่น้อย) การปิดการทำงานของระบบสั่นทุกประเภท อาทิ สั่นเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า หรือสั่นเตือนเมื่อแตะหน้าจอ จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่

 

2. ลดความสว่างหน้าจอ

การปรับหน้าจอให้สว่างมากๆ จะส่งผลให้สีสันที่แสดงบนหน้าจอสว่างเด่นชัดขึ้น แต่ระดับความสว่างหน้าจอที่มากเกินพอดีก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วเช่นกัน การปรับลดความสว่างลงให้เหลือเพียงระดับที่ยังสามารถอ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอได้อย่างสบายตา (ไม่ควรลดความสว่างมากเกินจนอ่านไม่สบายตา) จึงเป็นวิธีที่ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ออกไปได้

 

3. เลือกใช้ Wallpaper โทนมืดสำหรับจอแบบ AMOLED

หน้าจอแบบ AMOLED นั้นแต่ละพิกเซลบนหน้าจอมีความสามารถในการเปล่งแสงด้วยตัวเอง การเลือกใช้ Wallpaper รวมถึง Theme ที่มีโทนสีมืดๆ จะช่วยลดการใช้พลังงานของหน้าจออย่างได้ผล

และสำหรับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น การที่ไม่ใช้ Wallpaper แบบเคลื่อนไหวได้ (Live Wallpaper) หรือการยกเลิกฟีเจอร์ Parallax Effect ใน iOS (ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้พลังการประมวลผลจากชิปกราฟฟิค) ก็ช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ลงได้เช่นกัน

 

4. ลดเวลาการเข้าสู่ Sleep Mode ให้สั้นลง

เมื่อเราเลิกใช้งานสมาร์ทโฟน และวางมันทิ้งไว้เฉยๆ สักพักหนึ่งหน้าจอก็จะดับลง และเครื่องจะปิดตัวเองเข้าสู่ Sleep Mode เพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งเดิมทีเวลารอคอยเพื่อเข้าสู่ Sleep Mode อาจตั้งไว้ที่ 1 นาที การปรับเวลารอคอยตรงนี้ให้สั้นลง เพื่อให้สมาร์ทโฟนเข้าสู่ Sleep Mode เร็วขึ้นจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี

 

5. ปิดเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้ ประหยัดแบตเตอรี่แน่นอน

อีกหนึ่งเทคนิคง่ายๆ ที่เรามักจะหลงลืมกันไป คือการปิดเครื่องในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ หรือช่วงที่ไม่ได้ใช้งานเครื่องต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง การทำแบบนี้จะช่วยถนอมพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างเห็นผล

 

6. ปิดแอปที่ไม่ได้ใช้นอกจากทำให้เครื่องเร็วขึ้น ก็ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่

สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต รองรับการรันแอปพลิเคชั่นแบบ Multitasking โดยในขณะที่เรากำลังเรียกแอปพลิเคชั่นหนึ่งขึ้นมาใช้งาน ก็ยังมีอีกหลายๆ แอปพลิเคชั่นรันอยู่ในฉากหลัง และแน่นอนว่าการที่มีแอปพลิเคชั่นรันอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากจะทำให้เครื่องช้าลงแล้วก็ยังเปลืองแบตเตอรี่อีกด้วย การสั่งให้แอปพลิเคชั่นที่รันอยู่ในฉากหลัง (เลือกสั่งหยุดเฉพาะแอปพลิเคชั่นที่ไม่มีความสำคัญ) จะช่วยให้เครื่องเร็วขึ้น และแบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น และหากคุณไม่ต้องการไล่สั่งหยุดการทำงานของแอปพลิเคชั่นทีละตัว อุปกรณ์แอนดรอยด์ก็มีแอปพลิเคชั่นที่ช่วยงานนี้ได้ ซึ่งก็คือแอป Advanced Task Manager

 

7. ใช้แอปพลิเคชั่น Snapdragon BatteryGuru

อีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้อุปกรณ์แอนดรอยด์อย่างเห็นผลคือ Snapdragon BattryGuru ซึ่งเป็นฝีมือการพัฒนาแอปพลิเคชั่นของบริษัทชั้นนำในวงการผลิตชิปประมวลผลสำหรับอุปกรณ์โมบายอย่าง Qualcomm แอปพลิเคชั่นนี้จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเรา และปรับแต่งการทำงานของสมาร์ทโฟนให้โดยอัตโนมัติ เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ และสำหรับอุปกรณ์ iOS ให้ลองใช้แอปพลิเคชั่น Battery Life Magic Pro หรือ Battery Doctor Pro

 

8. ปิดการทำงานของ GPS และปิด Location Service ของแอปต่างๆ

เซ็นเซอร์ GPS ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ในสมาร์ทโฟนที่กินพลังงานสูงเอาเรื่อง การปิด GPS หรือเปิดใช้งานเฉพาะเมื่อจำเป็นจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อย่างได้ผล และอีกเรื่องหนึ่งคือการปิดฟีเจอร์ Location Service (การเข้าถึงตำแหน่งของผู้ใช้งาน) หรือการไม่อนุญาตให้แอปพลิเคชั่นใดๆ ได้ใช้ Location Service ก็มีส่วนช่วยให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้นด้วย เนื่องจากแอปพลิเคชั่นบางตัวจะมีการส่งข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ของเราผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่บ่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าการสื่อสารข้อมูล (โดยไม่จำเป็น) ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ โดยเปล่าประโยชน์ หรือถ้ายังคงต้องการใช้งาน Location Service อยู่ ก็สามารถเลือกปรับเป็น Low Battery Use ได้ ซึ่งจะใช้แบตเตอรี่น้อยกว่าปกติ

 

9. ปิดบลูทูธ, WiFi, 3G/4G, NFC เมื่อไม่ใช้งาน

ข้อนี้เป็นหลักการพื้นฐานที่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะหลงลืมเปิดทิ้งไว้ในบางเวลา หากหมั่นสังเกตที่บริเวณ Notification Icon ทุกครั้งที่เปิดหน้าจอขึ้นมาใช้งาน ก็จะทำให้อาการหลงลืมเปิดทิ้งไว้ลดน้อยลง รู้ไหมว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ เมื่อรู้แล้วก็ปิดบลูทูธ, WiFi, 3G/4G, NFC เมื่อไม่ได้ใช้งาน จะช่วยให้ใช้แบตเตอรี่น้อยลงเช่นกัน

 

10. เข้าสู่ Airplane Mode เมื่ออยู่ในพื้นที่ไร้สัญญาณ

เมื่อออกไซต์งานต่างจังหวัด หรือออกท่องเที่ยวในพื้นที่ชนบทห่างไกล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณ WiFi ให้เข้าถึง ก็เป็นการดีที่จะเข้าสู่ Airplane Mode (ปิดการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตทั้งหมด) เพื่อเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ไว้ใช้เมื่อเข้าสู่พื้นที่ ที่มีสัญญาณ อีกทั้งการชาร์จในขณะที่ใช้ Airplane Mode ยังช่วยทำให้ชาร์จแบตเตอรี่เต็มเร็วกว่าปกติอีกด้วย

 

11. ปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน

การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นทั้งหลายที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ของเรา นอกจากจะทำให้เสียสมาธิในการทำงานแล้ว ก็ยังทำให้เปลืองแบตเตอรี่อีกด้วย เนื่องจากในการแจ้งเตือนแต่ละครั้ง อาจมีการส่งสัญญาณไฟกระพริบ, มีการเปิดหน้าจอ หรืออาจมีการส่งเสียงเตือน จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะปิดการแจ้งเตือน (Notification) ของแอปพลิเคชั่นบางตัวที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นเกมส์ทั้งหลาย

 

12. อย่าวางตัวเครื่องทิ้งไว้ในที่ ที่มีอากาศร้อน

เทคนิคนี้อาจฟังไม่คุ้นหู แต่การวางตัวเครื่องสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ไว้ในที่ ที่มีอากาศร้อน หรือในที่ทีแสงแดดส่องถึงโดยตรง จะส่งผลให้พลังงานแบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าปกติ

 

13. ตรวจสอบดูว่าอะไรคือตัวการกินแบตเตอรี่

อุปกรณ์แอนดรอยด์มีเครื่องมือที่ช่วยให้ตรวจสอบได้ว่าฟังก์ชันใด หรือแอปพลิเคชั่นใดใช้พลังงานแบตเตอรี่เปลืองมากที่สุด (ไปที่เมนู ตั้งค่า > การจัดการพลังงาน > แบตเตอรี่) เมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นตัวการแล้วก็จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด สมมติว่า “หน้าจอ” เป็นตัวการที่กินพลังงานแบตเตอรี่เป็นอันดับต้นๆ ก็สามารถแก้ได้ด้วยการลดความสว่างหน้าจอลง หรือถ้า WiFi เป็นต้นเหตุ ก็อาจะปิดสัญญาณ WiFi เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้งาน หรือปิดก่อนเข้านอน เป็นต้น

 

14. เรียกใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด

สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตบางแบรนด์มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น Stamina Mode ของ Sony ที่ปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกช่องทางเมื่อปิดหน้าจอ และจะกลับมาเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดหน้าจอใช้งาน เป็นฟีเจอร์ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี ส่วน Samsung Galaxy S5 นั้นมี Ultra Power Saving Mode ที่เปลี่ยนการแสดงผลของจอภาพให้เป็นแบบขาวดำ ช่วยยืดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ออกไปได้อีกเป็นวัน

 

15. กำหนดให้แอปซิงค์ข้อมูลผ่าน WiFi เท่านั้น

การที่แอปพลิเคชั่นต่างๆ ในอุปกรณ์ของเราทำการซิงค์ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตย่อมสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่เป็นธรรมดา แต่หากจะปิดการการซิงค์เสียเลยก็จะทำให้แอปพลิเคชั่นนั้นมีปัญหาในการทำงาน ข้อควรรู้คือ การซิงค์ข้อมูลผ่านเครื่องข่าย 3G/4G นั้นกินพลังงานมากกว่าการซิงก์ผ่าน WiFi ดังนั้นหากต้องการประหยัดพลังงานแบบสุดๆ ก็ควรเซ็ตให้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำการซิงค์ข้อมูลผ่าน WiFi เท่านั้น

 

16. อย่าหมกมุ่นกับการปิดแอปพลิเคชัน

อาจฟังดูแล้วขัดแย้งกับข้อที่ 6 แต่หลายคนคงคิดว่าการที่ปิดแอปพลิเคชัน จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้ นั่นก็จริงอยู่ สำหรับแอปพลิเคชันจำพวกเกม หรือแอปพลิเคชันที่ต้องใช้การประมวลผลด้านกราฟิกหนักๆ แต่หารู้หรือไม่ว่าแอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลังอยู่ตลอดเวลาอย่างเช่นแอปฯที่เกี่ยวกับการส่งข้อความนั้น การมานั่งปิดการทำงานเบื้องหลังของแอปฯเหล่านี้เท่ากับเป็นการบังคับให้แอปฯนั้นรันตัวเองขึ้นมาใหม่ ยิ่งปิดการทำงานเบื้องหลังบ่อยมาก ก็ทำให้กินพลังงานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเจอแอปฯที่ทำงานเบื้องหลัง ก็ไม่ต้องไปปิดจะดีกว่า จะช่วยแบตเตอรี่อีกมาก

 

17. ลงแอปพลิเคชันเท่าที่จำเป็น

แน่นอนว่ายิ่งลงแอปพลิเคชันจำนวนมาก นอกเหนือจากการทำให้หน่วยความจำเครื่องน้อยลงแล้ว ยังมีผลต่อการใช้งานในด้านแบตเตอรี่อีกด้วย หลายๆ แอปพลิเคชันยังคงทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดเรียกใช้ขึ้นมาก็ตาม ยิ่งมีหลายแอปฯ แบตเตอรี่ก็ยิ่งหมดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรลงแอปฯเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า

 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ก็หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้นำเคล็ดวิชาทั้ง 17 อย่างนี้ ไปใช้งานจริงให้เกิดประโยชน์ได้ตามความเหมาะสม ใครลองเอาไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร ก็กลับมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ

 

Thaimobilecenter.com

 



วันที่ : 16/5/57


  แสดงความคิดเห็นที่นี่
ชื่อผู้โพสต์  (สมาชิกlogin ที่นี่) / สมัครสมาชิก
*
รายละเอียด
*

 
           Tags | More Smiles
ใส่ปี พ.ศ. ปัจจุบัน   ใส่เฉพาะปี พ.ศ. 4 ตัวเท่านั้น  
 


gon  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 4 Quote
ขอบคุณครับ
http://www.herb2016.com/อาหารเสริมลดน้ำหนัก

 โพสต์เมื่อ 05/08/2016  เวลา 12:04      โหวตให้   โหวตลบ  

Toey  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 3 Quote
ขอบคุณครับ :)

 โพสต์เมื่อ 12/04/2016  เวลา 07:23      โหวตให้   โหวตลบ  

wins  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 2 Quote
เยี่ยมมาก"! ขอบคุณครับ!

 โพสต์เมื่อ 20/05/2015  เวลา 09:16      โหวตให้   โหวตลบ  

ท็อบ  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 1 Quote


 โพสต์เมื่อ 25/09/2014  เวลา 11:32      โหวตให้ (1)  โหวตลบ  











    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com