มือถือ กับน้ำ เป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะถูกกัน แม้ในช่วงเวลาปกติเรายังเคยได้ยินผ่านหูผ่านตาบ่อยๆ ว่ามีใครสักคนทำมือถือตก น้ำ หรือโดนน้ำกระเซ็นใส่แล้วเกิดอาการแปลกๆ โดยเฉพาะช่วง สงกรานต์ถือเป็น เวลายอดฮิต ของ เหตุ มือถือเปียกน้ำกันเลยทีเดียว ซึ่งอาการเปียกน้ำมีจากหลายสาเหตุ เป็นต้นว่า แต่งตัวหล่อๆ สวยๆ จะออกไปเที่ยวห้างไม่คิดว่าจะมีใครมาสาดน้ำ แต่ก็โดนสาด จน เปียก ชุ่ม ไปทั้งคนทั้งมือถือ อีกกรณีหนึ่งสำหรับคนที่เตรียมตัวไปอย่างดี หาวัสดุมาห่อหุ้ม สมาร์ทโฟน เพื่อกันน้ำ แต่ปรากฏว่าอุปกรณ์กันน้ำทำงานผิดพลาด มีน้ำลอดเข้าไปทำให้เปียกน้ำในที่สุด ... แต่ ถ้า จะเอามือถือ เก็บไว้ที่บ้าน ก็จะทำให้ชีวิตขาดสีสันในการแชร์ช่วงเวลามันๆ ผ่าน โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นแน่
เพื่อให้ทุกคนได้เล่นน้ำไป ด้วย แชทไปด้วย หรืออัพรูปขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กไปด้วยอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่ามือถือ หรือสมาร์ทโฟน จะเจ๊งด้วยฝีมือน้องน้ำ เราขอนำเสนอบทความดีๆ เกี่ยวกับการเตรียมมือถือให้พร้อมสำหรับการเล่นสงกรานต์ เชิญติดตามได้เลยครับ
สมาร์ทโฟนของคุณกันน้ำได้หรือไม่ ?
วิธีที่ง่ายที่สุด แต่ จะ ทำให้คุณเปลืองเงินมากที่สุด คือการเลือกซื้อมือถือ หรือสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ !!!
แต่หากคุณไม่มีเงินมากพอ หรือยังไม่อยากได้มือถือเครื่องใหม่ ให้ลองตรวจสอบสเปคของมือถือที่คุณมีอยู่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต ( หรือตรวจสอบจากเว็บไซต์ของเรา ) ไม่แน่ว่ามือถือที่อยู่ในมือของคุณอาจมีฟีเจอร์กันน้ำก็เป็นได้ และต่อไปนี้เป็นตัวอย่างรายชื่อบางส่วน ของมือถือทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์กันน้ำ ลองดูว่ามีมือถือของคุณอยู่ในรายชื่อหรือไม่
* Sony Xperia Z2
* Sony Xperia Z1S
* Sony Xperia Z1
* Sony Xperia Z1 Compact
* Sony Xperia Tablet Z
* Sony Xperia Z Ultra
* Sony Xperia Z
* Sony Xperia ZR
* Sony Xperia V
* Sony Xperia Go
* Sa m sung Galaxy S5
* Samsung Galaxy S4 Active
* Samsung Galaxy Xcover
* Motorola Defy+
* Motorola Defy
จากรายชื่อด้านบน หาก จะบอกว่า Sony เป็นเจ้าพ่อแห่งการผลิตมือถือกันน้ำ ก็คงจะไม่เกินความจริงแต่อย่างใด เราลองมาดูคุณสมบัติการกันน้ำของ Sony Xperia Z2 ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Sony Mobile ประเทศไทยกันครับ ว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
Xperia Z2 มีคุณสมบัติกันฝุ่นและกันน้ำได้ตามการรับรองมาตรฐานการป้องกัน IP55 และ IP58 เมื่อปิดพอร์ตและฝาครอบทั้งหมดให้สนิท โทรศัพท์จะสามารถกันน้ำแรงดันต่ำที่ฉีดใส่จากทุกด้านได้ตามมาตรฐานการป้องกัน IP 55 และ / หรือสามารถแช่น้ำจืดที่ระดับความลึก 1.50 เมตร นาน 30 นาทีได้ตามมาตรฐานการป้องกัน IP58
ส่วนทางฝั่ง Samsung Galaxy S5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เราได้ข้อมูลมาว่า สามารถอยู่ในน้ำได้ในระดับความลึก 3 ฟุต ได้นานถึง 30 นาที โดยน้ำไม่เข้าไปทำความเสียหายให้กับตัวเครื่อง
ซึ่งการเคลมประกันความเสียหายจากประเด็นน้ำเข้าเครื่องสำหรับมือถือ หรือสมาร์ทโฟนรุ่นกันน้ำได้ ยังคงเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากไม่มีสมาร์ทโฟนเครื่องใดสามารถกันน้ำได้ 100% ในทุกกรณี และยังมีตัวแปรมากมายที่ทำให้ประสิทธิภาพในการกันน้ำของมือถือลดลง อาทิ การปิดฝาพอร์ตต่างๆ ไม่แน่นสนิท การปิดฝาตัวเครื่องไม่แนบสนิท หรือตัวเครื่องจมลงในระดับความลึกที่เกินขีดความสามารถในการป้องกัน หรือจมน้ำเป็นระยะเวลานานเกินไป หรือโดนฉีดด้วยน้ำที่แรงดันสูงเกินขีดความสามารถในการป้องกัน ประกอบกับยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่สามารถตรวจสอบได้ว่าเหตุใดน้ำจึงเข้าเครื่อง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่หากนำมือถือรุ่นกันน้ำ ได้ ส่งเข้าศูนย์ซ่อมด้วยอาการน้ำเข้าเครื่อง เรา ก็ยังคงต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการซ่อม ไม่ต่างอะไรจากมือถือรุ่นปกติที่ไม่สามารถกันน้ำได้
ดังนั้นแม้ว่ามือถือของคุณจะมีฟีเจอร์กันน้ำ ก็ ควรตรวจสอบให้ดี ว่า ฝาพอร์ตต่างๆ ปิดแน่นหนาดีหรือไม่ ฝาหลังตัวเครื่องปิดแน่นหนาดีหรือไม่ และควรเก็บมือถืออย่างมิดชิด ไม่ให้ ตัวเครื่อง ปะทะโด ย ตรง กับแรงดันจาก ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงที่วัยรุ่นสมัยนี้เขามิยมเล่นกัน ซึ่งแรงดันน้ำสูงๆ อาจทำให้น้ำเล็ดรอดเข้าตัวเครื่องได้
สวมเกราะให้มือถือ
ถ้ามือถือของคุณไม่มีฟีเจอร์กันน้ำก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะมีหลากหลายวิธีการในการแปลงร่างมือถือของคุณให้กันน้ำ ซึ่งก็มีตั้งแต่วิธีการที่แพงแบบสุดๆ ไปจน ถึง วิธีการที่ ไม่ต้องเสียตังค์สักบาท เราลองมาดูวิธีการแบบแพงๆ ที่ดู มี มาตรฐาน และน่าเชื่อถือกันก่อน
ในกรณีนี้ iPhone ดูจะมีภาษีดีกว่าสมาร์ทโฟน ยี่ห้อ อื่นๆ เพราะ มี ชุดเกราะ กันน้ำแบบ หล่อๆ ให้เลือกสวม ใส่ ได้มากมายหลายแบบ อาทิ เคสกันน้ำจาก LifeProof ที่ กันน้ำลึก 2 เมตร ได้ครึ่งชั่วโมง ราคาประมาณ 3,000 บาท , เคสตระกูล OtterBox Armor Series ที่กันน้ำกันฝุ่นและกันกระแทกได้ดีเยี่ยม ราคาประมาณ 3,500 บาท หรือเคสตระกูล Survivor Catalyst ที่ดำน้ำได้ลึก 3 เมตร ป้องกันการตกกระแทกได้ถึง 2 เมตร ราคาประมาณ 1,300 บาท และที่เหมือนจะเป็นเซอร์ไพรส์ คือเคสกันน้ำสำหรับ iPad ก็มีกับเขาด้วย ... ที่เด่นสุดเป็นเคสจากตระกูล Griffin Survivor ที่มีทั้งรุ่นสำหรับ iPhone, iPad และ iPad mini ซึ่งมี คุณสมบัติในการกันน้ำกันฝุ่นเป็นเยี่ยม
ชุดเกราะกันน้ำกันแรงกระแทกสำหรับ iPhone และ iPad หลากหลายรุ่นที่เรายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น ได้ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องถอดออก ช่องพอร์ตต่างๆ สามารถเปิดออกเพื่อเสียบสายชาร์จหรือสายหูฟังได้ตามปกติ ( แต่เมื่อจะออกไปเล่นสาดน้ำต้องปิดพอร์ตให้แน่นหนา ) หน้าจอสามารถแตะสัมผัส ไมโครโฟน และลำโฟ ง สำหรับการสนทนาโทรศัพท์ยังใช้ได้ปกติ กล้องถ่ายภาพก็ยังใช้งานได้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้ iPhone ถ่ายภาพบรรยากาศการสาดน้ำ หรืออัพเดทโซเชียลเน็ตเวิร์กระหว่างการสาดน้ำได้แบบชิลๆ ( แต่ระวังปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเอาไว้นิดก็ดี )
VIDEO
คลิปสาธิตการสวมฟิล์มกันน้ำให้สมาร์ทโฟน
ทางออกสำหรับ คนที่อยากเอา Samsung Galaxy ติดตัวไปเล่นสงกรานต์ได้แบบชิลๆ ให้ลองค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับ ฟิล์มกันน้ำมือถือ ซึ่งมีคนเอาเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราอยู่หลายยี่ห้อ และรองรับการใช้งานกับ Samsung Galaxy ได้หลายรุ่น ลักษณะของมันคล้ายกับถุงฟิล์มใสที่มีขนาด พอ ดีตัวเครื่อง เมื่อสวมใส่เรียบร้อยก็เหมือนว่าตัวเครื่องถูกห่อเอาไว้อย่างมิดชิด และ ในกรณีที่จะเสียบสายขาร์จก็ ต้องถอดฟิล์มออก ทำให้ ฟิล์มประเภทนี้ เหมาะที่จะใช้งานในเฉพาะช่วงสงกรานต์ หรือในกรณีที่ต้องการเอา Samsung Galaxy ลงไปถ่ายภาพใต้น้ำเท่านั้น เมื่อเสร็จงานแล้วต้องถอดออก แต่ข้อดีของฟิล์มประเภทนี้คือราคาถูก เพียงแค่ ชุดละประมาณ 300 บาท และขณะสวมฟิล์ม ก็ ยังสนทนาโทรศัพท์ แตะหน้าจอ และถ่ายรูปได้ตามปกติ
ยืดอกสวมถุง !
วิธีการง่ายๆ ประหยัด และใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นมีอยู่ 2 วิธีการที่คนพูดถึงกันบ่อยที่สุด วิธีการแรกคือ หาซื้อซองใส่สมาร์ทโฟนแบบมีซีลปิดกันน้ำ ที่หาซื้อได้ง่าย และราคาไม่แพง แต่ด้วยความที่เป็นของราคาถูกทำให้ต้อง ตรวจ สอบ ให้ดีก่อนใช้งานว่าระบบซีลสามารถกันน้ำไม่ให้เข้าไปในซอ ง ได้จริงหรือไม่ ? สายคล้องคอมีความแข็งแรงขนาดไหน เนื่องจากมีหลายกรณีที่เดียวที่ระบบซีลของซองกันน้ำไม่สามารถกันน้ำได้จริง ทำให้น้ำเข้า ไปในซองได้ และในหลายกรณีพบว่าสายคล้องคอขาด ( อาจเกิดจากเจ้าของเครื่องสนุกสุดเหวี่ยงเกินไปหน่อย ) ทำให้สมาร์ ท โฟนหล่นกระแทกพื้นจนหน้าจอแตก จะสนุกสุดเหวี่ยงขนาดไหนก็อย่าถึงขั้นให้สายคล้องคอขาดนะครับ และแน่นอนว่าด้วยตัวซองใส่ที่ค่อนข้างหนาและใหญ่กว่าตัวเครื่องสมาร์ทโฟนอยู่พอควร การจะแตะหน้าจอเล่นแอพทั้งๆ ที่เครื่องยังอยู่ในซองคงทำได้ไม่ค่อยสะดวกนัก
อีกหนึ่งวิธีที่ดูเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่กลับช่วยให้สมาร์ทโฟนหลายๆ เครื่องรอดตายจากช่วงสงกรานต์ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา คือการ จับสมาร์ทโฟนใส่ถุงแกงร้อนแบบใส แล้วมัดหนังยางกันน้ำเข้า ( โดยควรเลือกใช้ถุงที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนพอสมควร และตรงจุดที่มัดยางควรพับถุงหลายๆ ทบ เพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าไปในถุงได้ง่ายๆ และเพื่อความไม่ประมาทควรหมั่นตรวจดูเป็นระยะๆ ว่าน้ำเข้าถุงหรือไม่ ) ด้วยผิวบางๆ และใสของถุงแกงทำให้เราแตะสั่งงานบนหน้าจอได้อย่างสบายๆ จะแชท Line หรืออัพสเตตัสระหว่างการสาดน้ำก็สบายมาก และด้วยความใสของถุงทำให้ไม่เป็นปัญหากับการถ่ายภาพแต่อย่างใด อีกทั้งยังสามารถสนทนาโทรศัพท์ได้ปกติโดยไม่ต้องเอาสมาร์ทโฟนออกมาจากถุง เราได้ลองแล้วพบว่าการจับสมาร์ทโฟนใส่ถุงแกงมัดหนังยาง สามารถกันน้ำได้จริง โดย ควรเลือกใช้ถุงที่สะอาด ไม่มีรูรั่ว หนังยางที่ใช้ควรอยู่ในสภาพดี ไม่ใกล้เปื่อยขาด และการมัดหนังยาง ต้อง ทำอย่าง แน่นหนา
สำหรับคนที่ใช้ซองห้อยคอแบบกันน้ำอยู่แล้ว จะสวมถุงแกงเข้าไปอีกชั้นเพื่อเพิ่มความมันใจก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด และ สำหรับคนที่จะออกไปเที่ยว ไปทำธุระในวันสงกรานต์ ก็สวมถุงแกงกันเหนียวเอาไว้ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังครับ
ทำอย่างไรดีเมื่อน้ำเข้าเครื่องไปแล้ว ???
การแก้ปัญหาในกรณีที่น้ำเข้ามือถือ ได้ เคยมีการเขียนแนะนำอย่างละเอียดไปแล้วครั้งหนึ่งในเว็บของเรา อย่างไรก็ดีเมื่อมีการพูดถึงเรื่องนี้ ก็ขอนำบทความเก่าที่ยังคงมีประโยชน์มานำเสนออีกครั้ง ซึ่งการแก้ปัญหาเมื่อน้ำเข้าเครื่องให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ
1. พยายามตั้งสติให้ดี อย่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคงไม่เป็นผลดีนัก 2. เมื่อนำมือถือออกมาจากแหล่งน้ำได้แล้ว พึงจำไว้เสมอว่า อย่าเพิ่งกดปุ่มเปิด - ปิดเครื่องโดยเด็ดขาด เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆ ยังเปียกน้ำหรือยังมีความชื้น การกดปุ่มเปิด - ปิดเครื่องอาจทำให้เกิดการลัดวงจร และเสียหายหนัก หรือเสียหายถาวรได้ 3. ให้รีบถอดส่วนประกอบต่างๆ ของมือถือออกจากกันอย่างรวดเร็ว ( ส่วนประกอบที่สามารถถอดได้เองตามปกติ ) ไม่ว่าจะเป็น ซิมการ์ด , แบตเตอรี่ , ฝาหลังฯลฯ 4. เมื่อถอดส่วนประกอบต่างๆ เท่าที่สามารถถอดได้เรียบร้อยแล้ว อาจจะใช้การสลัดน้ำด้วยแรงพอประมาณ รวมถึงให้นำผ้า ( ชนิดที่ไม่มีขน ) หรือกระดาษทิชชู ( คุณภาพดี ไม่เป็นขุย ) มาซับน้ำ ที่เกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือ อาจจะใช้พัดลมช่วยเป่า ด้วยก็ได้ ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน 5. สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งเด็ดขาด เนื่องจากลมจากไดร์เป่าผมมีความร้อนสูง อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในได้โดยง่าย 6. และสิ่งสำคัญอีกประการคือ ไม่ควรนำมือถือ และอุปกรณ์ต่างๆ ไปตากแดด เพื่อหวังให้แห้งเร็วขึ้น เพราะความร้อนจากแสงแดดนั้นสูงเกินไปสำหรับมือถือและอุปกรณ์ต่างๆ
7. เมื่อสังเกตว่ามือถือ และอุปกรณ์ต่างๆ แห้งพอสมควรแล้ว ก็ให้นำมือถือและอุปกรณ์ต่างๆ ไป วางทิ้งไว้ในถังข้าวสาร หรือในถุงพลาสติกที่มีซิลิก้าเจลบรรจุไว้ ทั้งนี้เพื่อช่วยดูดความชื้นที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่ในส่วนของอุปกรณ์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยอาจทิ้งไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าความชื้นได้หายไปหมดแล้วจริงๆ 8. เมื่อทุกขั้นตอนข้างต้นผ่านพ้นไปด้วยดี และแน่ใจว่าตัวเครื่อง , อุปกรณ์ทุกอย่าง รวมถึงทุกซอกทุกมุม ทั้งภายในและภายนอก ปราศจากน้ำและความชื้นแล้ว ก็ให้ นำซิมการ์ด , แบตเตอรี่ , ฝาหลัง ฯลฯ มาประกอบกลับเข้าที่ตามเดิม 9. หลังจากประกอบตัวเครื่องเรียบร้อยดีแล้ว ยังไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทันที เนื่องจากวงจรภายในอาจจะยังไม่พร้อมที่จะรับกระแสไฟฟ้า 10. จากนั้นให้ลองเปิดเครื่อง หากสามารถเปิดได้ก็ให้ตรวจสอบอาการผิดปกติอื่นๆ ในการใช้งานพื้นฐานทันที เช่น หน้าจอติดหรือไม่ , โทรออกโทรเข้าได้หรือไม่ , ลำโพงดังหรือไม่ , ปุ่มกดใช้งานได้ทุกปุ่มหรือไม่ , กล้องถ่ายได้หรือไม่ , ตรวจเจอการ์ดหน่วยความจำหรือไม่ , ยังใช้งานเมนูหรือฟังก์ชันต่างๆ ได้ปกติหรือไม่ ฯลฯ 11. หากลองใช้งานดูแล้วไม่พบปัญหาใดๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติ ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะโชคดีไม่เกิดปัญหาใดๆ หรือโชคร้ายต้องเจอกับปัญหาตามมา ทางที่ดีก็ควรจะต้องนำเครื่องไปให้ศูนย์ หรือช่างผู้ชำนาญช่วยจัดการให้อีกครั้งหนึ่ง
ห วังว่าเทคนิคต่างๆ ที่เราได้แนะนำกันไปในวันนี้ คงจะช่วยให้มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ของคุณอยู่รอดปลอดภัยผ่านช่วงสงกรานต์ไปได้ ส่วนใครต้องกลับบ้านต่างจังหวัดก็ขอให้เดินทางปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ
Thaimobilecenter .com
วันที่ : 2/4/57