หน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นทุกวัน
และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อัพเดทโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอยู่แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของใครบางคนอยู่ได้ไม่ครบวัน
บางครั้งชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน แล้วเอาออกไปใช้ได้ถึงแค่ตอนเย็นๆ ยังไม่ทันกลับถึงบ้าน
แบตเตอรี่ก็ลดลงถึงขีดแดง หรืออาจถึงขั้นเครื่องดับกันเลยทีเดียว และเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ
ก็ต้องอาศัยตัวช่วยยอดนิยมอย่างแบตเตอรี่สำรอง หรือที่เราเรียกกันอยู่บ่อยๆ
ว่า Power
Bank เพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาดูวิธีเลือกซื้อ Power
Bank ดีๆ ไว้ใช้งานกันดีกว่าครับ
อันดับแรกต้องตรวจสอบสเปคสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณเสียก่อนว่าใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุกี่มิลลิแอมป์
(mAh)
ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบความจุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแต่ละรุ่นได้ในส่วนของ
แคตตาล็อกมือถือ
ในเว็บของเราได้เลยครับ 
เมื่อรู้แล้วว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณมีขนาดความจุเท่าไหร่
ลำดับต่อมาเราจะมาตรวจสอบความสามารถในการจ่ายกระแสไฟของอะแดปเตอร์สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หลายคนละเลยเมื่อจะเลือกซื้อ Power Bank แล้วเพราะเหตุใดจึงต้องตรวจดูด้วยว่าอะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของเรามีความสามารถในการจ่ายกระแสไฟได้มากน้อยขนาดไหน?
คำตอบก็คือ เราสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้ในการเลือกซื้อ Power
Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้ในระดับที่เหมาะสม สมมติว่าอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตของคุณ สามารถจ่ายกระแสไฟได้ 2.0A (อะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตโดยส่วนใหญ่จ่ายกระแสไฟได้ 2.0A
ในขณะที่อะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนโดยส่วนใหญ่จะจ่ายกระแสไฟได้ 1.0A)
คุณก็ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้
2.0A เท่ากับตัวอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ต และถ้าหากคุณเลือกซื้อ
Power Bank ที่จ่ายกระแสชาร์จได้เพียง 1.0A ก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่นานกว่าปกติ ดังนั้น ควรเลือก Power
Bank ที่มีอัตราการจ่ายกระแสไฟเทียบเท่ากับตัวอะแดปเตอร์

หลังจากได้ดูในเรื่องของอัตราการจ่ายกระแสไฟกันไปแล้ว
เราก็มาลองดูเรื่องความจุของ Power Bank กันบ้าง ซึ่งเมื่อลองค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับ Power Bank ที่มีวางจำหน่ายกันทั่วไปในปัจจุบัน คุณจะพบว่ามี Power Bank ให้เลือกซื้อมากมายหลายขนาดความจุ หลักการเลือกขนาดความจุที่เหมาะสมคือ
ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุเกินค่า 2
เท่าของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณอยู่เล็กน้อย เช่นถ้าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณมีความจุ 2,000 mAh ก็ให้นำค่านี้คูณ 2 แล้วบวกขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจจะประมาณคร่าวๆ ได้ว่าควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุประมาณ 5,000-5,500 mAh ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งขนาดความจุนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน
หรือแท็บเล็ตรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 2 รอบ ส่วนการซื้อ Power
Bank ที่ขนาดความจุสูงเกินกว่านี้ แม้ว่าจะชาร์จได้หลายรอบมากกว่า แต่ก็จะตามมาด้วยขนาด
Power Bank ที่ใหญ่โตมากกว่า, มีน้ำหนักมากกว่า และมีราคาสูงกว่าด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีใน Power
Bank
- ควรมีสเกลบอกระดับพลังงานคงเหลือ
การใช้ Power Bank ที่ไม่มีสเกลบอกระดับพลังงานเป็นอะไรที่น่าอึดอัด
เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีพลังงานเหลืออยู่เท่าไหร่ เมื่อจำเป็นต้องหยิบมาใช้สักทีก็อาจจะปรากฏว่าพลังงานใน
Power Bank เองก็หมดไปเสียแล้ว กลายเป็นที่ทับกระดาษไปเสียอย่างนั้น
- ควรมีระบบป้องกันไฟลัดวงจร
Short Circuit Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการจ่ายไฟของ
Power Bank โดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดการลัดวงจรขณะชาร์จ
ช่วยป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้ตัว Power Bank
- ควรมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม
Overcharge Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟน
หรือแท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม
เพื่อไม่ให้เกิดการชาร์จไฟเกิน ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง และเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
- ควรมีระยะเวลาการรับประกันที่ชัดเจน
และแบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาด
ในบ้านเรามี Power Bank ให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อหลายระดับราคา ให้หลีกเลี่ยง Power
Bank ที่ไม่มีระยะเวลาการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ Power Bank เหล่านั้นจะใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพต่ำ
ทำให้ไม่สามารถชาร์จได้ครบจำนวนรอบตรงตามสเปค รวมถึงการเลือกซื้อ Power
Bank ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในตลาด ย่อมเป็นเครื่องหมายรับประกันได้ว่าจะรองรับการใช้งานไปได้อย่างยาวนาน
และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ควรตรวจสอบให้แน่ใจตอนซื้อว่าไม่ใช่ของลอกเลียนแบบ
ด้วยเทคนิคง่ายๆ ข้างต้นเพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเลือกซื้อ
Power
Bank ที่มีคุณภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคา ตรงกับความต้องการ พร้อมที่จะมาเป็น
Power Bank คู่ใจของคุณแล้วครับ
Thaimobilecenter.com
วันที่ : 10/3/57
|