ผู้กำกับ James Bond ทิ้งเงินกว่า 1,700 ล้านบาท ปฏิเสธไม่ให้ Bond ใช้สมาร์ทโฟน Android ใน 007 : Spectre ภาคล่าสุด

ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่นั้น มักจะเป็นเป้าหมายของแบรนด์ต่างๆ ที่ยอมทุ่มเงินเพื่อการโฆษณาสินค้าของตัวเอง สำหรับภาพยนตร์ในตำนานอย่าง James Bond เองก็เช่นกัน ที่มักจะได้รับการติดต่อจากแบรนด์ชั้นนำ เพื่อต้องการโฆษณาสินค้า แต่ในบางครั้ง การนำสินค้าเข้ามาในภาพยนตร์นั้น มีผลกับคาแรกเตอร์ของตัวละครหลัก ซึ่งหลังจากบริษัท Heineken เสนอเงินมูลค่า $45 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) สำหรับการโฆษณาสินค้าในภาค Skyfall ทางผู้จัดภาพยนตร์แฟรนไชส์ James Bond ก็ตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดในภาคต่อมาอย่าง Spectre

นอกจากนี้ทาง James Bond ได้ปฏิเสธข้อเสนอการโฆษณาสมาร์ทโฟนจากทั้ง Sony และ Samsung โดยทาง Sony เสนอเงินมูลค่า $5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 178 ล้านบาท) สำหรับการโฆษณามือถือ และอีก $18 ล้านเหรียญ (ประมาณ 640 ล้านบาท) ในการผูกขาดการโฆษณาในภาพยนต์ ส่วนทาง Samsung ก็ไม่ยอมน้อยหน้ากัน เสนอเงินมูลค่า $5 ล้านเหรียญเท่ากัน สำหรับการโฆษณา และจะเพิ่มให้สูงสุดถึง $50 ล้านเหรียญ  (ประมาณ 1,770 ล้านบาท) ในการผูกขาดการโฆษณา แต่ทั้ง 2 บริษัทก็ถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง โดยนักแสดงนำอย่าง Daniel Craig และ Sam Mendes ผู้กำกับต่างเห็นพ้องต้องกันว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์นั้นไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ของ James Bond
 

Andrew Gumpert ประธานฝ่าย Worldwide Business Affairs and Operations ของ Columbia Picture เผยว่า ผู้กำกับ Sam Mendis และ Daniel Craig ทั้งคู่ไม่ชอบมือถือ Sony เป็นอย่างมาก โดยให้เหตุผลว่า มือถือของ Sony ยังไม่ใช่มือถือที่ดีที่สุดสำหรับ Bond เนื่องจากล่าสุดมีการค้นพบช่องโหว่ของระบบแอนดรอยด์ที่ใหม่ที่เรียกว่า Stagefright ซึ่งเป็นช่องที่เหล่าแฮกเกอร์สามารถเจาะทะลุผ่านเข้ามาถึงข้อมูลเราได้ ซึ่งส่งผลต่อคาแรกเตอร์ของ James Bond ผู้เป็นสายลับระดับพระกาฬ

ภายหลัง Sony ก็ได้รับโอกาสอีกครั้งในการโปรโมต Sony Xperia Z5 ภายใต้ชื่อแคมเปญ "Made For Bond" โดยเป็นคลิปภาพยนตร์ความยาว 1 นาที ซึ่งมี Moneypenny ตัวละครหลักในเรื่อง James Bond เป็นผู้ใช้ Sony Xperia Z5 ในการปฏิบัติภารกิจลับ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเครื่องนั้นกลับไม่ได้ปรากฏในภาค Spectre แต่อย่างใด กลับกลายเป็นนาฬิกา Omega ที่ Daniel สวมใส่ในภาพยนตร์
 

ขณะนี้ Spectre มีรายได้เปิดตัวในประเทศอังกฤษอยู่ที่ $80.4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,850 ล้านบาท) และสำหรับประเทศไทยนั้น มีกำหนดฉายในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

ที่มา : FoxNews

วันที่ : 3/11/2558