สรุป 5 ฟีเจอร์เด่นของ Google Pixel 2 ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก Pixel รุ่นแรก

Google ถือว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ได้ผันตัวมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นของตลาดสมาร์ทโฟน หลังเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาได้ทำการเปิดตัว Pixel และ Pixel XL สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่าย ที่เพรียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติแบบจัดเต็ม และกล้องถ่ายภาพที่เคยได้รับคะแนนทดสอบจาก DxOMark สูงที่สุดมา แล้ว และล่าสุดนี้ Google ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนภาคต่ออย่าง Pixel 2 และ Pixel 2 XL ลุยตลาดอีกครั้ง

สำหรับ Pixel 2 หากมองผิวเผินแล้ว ภายนอกอาจจะคล้ายกับรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาด 5 นิ้วเท่ากัน หรือดีไซน์ฝาหลังแบบทูโทนที่ผลิตมาจากโลหะผสานกระจก แต่จริงๆ แล้ว Pixel 2 ได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติหลายด้านให้ก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน และนี่คือ 5 จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างระหว่าง Pixel 2 และ Pixel รุ่นแรกครับ

บอดี้

แม้ Pixel 2 ค่อนข้างจะมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับรุ่นก่อนเป็นอย่างมาก แต่จริงๆ แล้ว Google ได้เปลี่ยนบอดี้ให้มีผิวสัมผัสแบบด้าน ทำให้หยิบจับได้ถนัดมือมากยิ่งกว่าที่เคย นอกจากนี้ ยังได้ลดพื้นที่กระจกด้านหลังให้เหลือน้อยลง ต่างจากรุ่นแรกที่พาดยาวมาถึงปุ่มสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งทำให้ถือได้อย่างมั่นคงกว่ารุ่นแรกเช่นเดียวกัน

นอกเหนือจากที่กล่าวไปด้านต้นแล้ว Pixel 2 ยังได้เพิ่มคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที ซึ่งแม้ว่าใน Pixel จะมีคุณสมบัติกันน้ำเช่นกัน แต่ก็กันเพียงแค่ละอองน้ำเท่านั้น ไม่สามารถนำไปจุ่มน้ำได้เหมือนกับ Pixel 2

ลำโพง

ในปีที่แล้ว Pixel มีลำโพงหลักของตัวเครื่องเพียงแค่ตัวเดียว ทำให้การรับชมคอนเทนต์ต่างๆ อาจไม่เต็มอารมณ์เท่าที่ควรนัก แต่ปีนี้ Google แก้ตัวใหม่ ด้วยการติดตั้งลำโพงคู่ Streo Speaker เอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง เพื่อช่วยขับกำลังเสียงให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ขอบล่างให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับ Pixel รุ่นก่อนที่มีขอบล่างค่อนข้างหนา แต่ไม่มีฟีเจอร์อะไรติดตั้งเอาไว้

กล้องถ่ายภาพ

อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า Pixel รุ่นแรกเคยครองตำแหน่งแชมป์มือถือกล้องดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบอย่าง DxOMark มาก่อน ทำให้หลายฝ่ายตั้งความหวัง รวมไปถึงข้อสงสัยบน Pixel 2 เอาไว้ว่า ทาง Google จะมีการปรับปรุงให้เหนือกว่ารุ่นเดิมได้อย่างไร ซึ่ง Google ก็ทำสำเร็จหลัง Pixel 2 กวาดคะแนนจาก DxOMark ไปได้ถึง 98 คะแนน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดในวงการสมาร์ทโฟนปัจจุบัน โดยสิ่งที่ Google ได้อัปเกรดมากขึ้นมีหลายจุด ไล่ตั้งแต่ เซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่, รูรับแสงกว้างขึ้นที่ f/1.8 ทำให้เก็บแสงได้มากขึ้น รวมไปถึงการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหลังเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยอาศัยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI), โหมด HDR+ และเทคโนโลยีโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel

นอกจากนี้ Pixel 2 ยังมีฟีเจอร์ลับซ่อนไว้อีกอย่างนั่นก็คือ Pixel Visual Core ชิป AI ที่แยกตัวออกมา สำหรับช่วยประมวลผลภาพถ่าย แต่ในขณะนี้ Google ยังไม่เปิดให้ใช้งานแบบเต็มรูปแบบจนกว่าจะปล่อยอัปเดต Android 8.1 รวมทั้ง ยังได้มีการพัฒนาในเรื่องของเลนส์ที่เป็นแบบ custom ซึ่งประกอบจากเลนส์รูปร่างแปลกๆ 6 ชิ้นวางซ้อนกัน เพื่อช่วยลดอาการ Aberration  หรือความคลาดเคลื่อนของภาพจากที่ควรจะเป็น

Bluetooth

The Verge สื่อจากต่างประเทศระบุว่า ใน Pixel รุ่นแรกเคยมีปัญหาด้านการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สาย ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการมีวัตถุไปบังบอดี้กระจก ซึ่งน่าจะเป็นจุดรับส่งสัญญาณ Bluetooth แต่สำหรับ Pixel 2 ไม่ปรากฏอาการนั้นให้เห็นแล้ว เพราะได้ลดพื้นที่ส่วนกระจกให้น้อยลงนั่นเอง

ช่องเสียบหูฟัง

Google ได้ตัดสินใจถอดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ออกจาก Pixel 2 ทำให้เราต้องเสียบหูฟังที่เป็นแบบ USB-Type C หรือหูฟัง Bluetooth เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ในกล่องผลิตภัณฑ์ได้แถมตัวแปลงพอร์ต USB Type-C เป็นพอร์ต 3.5 มม. มาให้ด้วย ทำให้เรายังคงสามารถใช้หูฟังตัวเดิมได้ โดย The Verge เปิดเผยว่า เสียงที่ได้จากช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ของ Pixel รุ่นแรกนั้น ค่อนข้างเบา และไม่น่าประทับใจเท่าที่ึควร

นอกเหนือจากที่กล่าวมาด้านต้นแล้ว Pixel 2 ยังได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติอีกหลายด้าน อย่างเช่น การเปลี่ยนมาใช้ขุมพลังตัวใหม่ Snapdragon 835, เลือกใช้งานดีไซน์จอกว้างแบบเต็มพื้นที่ในรุ่น Pixel 2 XL รวมไปถึงการเพิ่มตัวเลือกสีใหม่อย่างสี Kinda Blue และ Black & White หรือที่หลายคนเรียกสีแพนด้า เป็นต้น ซึ่งก็น่าจับตามองกันต่อไปว่า ในปีหน้า Google จะอัปเกรดฟีเจอร์ด้านใด และจะมีไม้เด็ดอะไรมาต่อสู้กับคู่แข่งบนท้องตลาดบ้างครับ

ที่มา : The Verge

วันที่ : 20/10/2560